คุณรู้หรือไม่ว่าการนึ่งอาหารนั้นมีมานานมาก ๆ ก่อนคริสต์กาลอีกค่ะ ซึ่งชาวจีนเป็นชนชาติแรกในทวีปเอเชียที่รู้จักการนึ่งอาหารโดยการใส่อาหารลงในตะกร้าไม้ไผ่และวางเหนือหม้อหรือกระทะที่ต้มน้ำไว้จนเดือด หลังจากปิดฝาแล้วไอน้ำก็จะลอยวนอยู่ภายในหม้อและสัมผัสกับอาหารโดยตรงทำให้วัตถุดิบที่อยู่ในหม้อสุกโดยที่วัตถุดิบไม่เสียความชุ่มฉ่ำและรสชาติ ต่อมาการนึ่งเริ่มแพร่หลายไปยังประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี โดยเฉพาะเครื่องปรุงญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่ออย่างโชยุ, มิริน และสาเกนั้นล้วนแล้วแต่ทำมาจากถั่วเหลืองที่มีหัวใจหลักอยู่ที่กระบวนการนึ่งทั้งนั้น
อย่างที่เราทราบกันดีว่าอาหารที่ผ่านการนึ่งส่วนใหญ่จะยังคงคุณค่าของสารอาหารเอาไว้ได้อย่างครบถ้วน ซึ่งแตกต่างจากการนำอาหารไปผ่านกระบวนการทอด, ย่าง หรือต้ม (1) ดังนั้นเมนูนึ่งจึงกลายมาเป็นที่ชื่นชอบในกลุ่มคนที่ต้องการดูแลสุขภาพหรือลดน้ำหนัก เพราะนอกจากจะได้คุณค่าทางสารอาหารจากวัตถุดิบครบถ้วนแล้วยังลดโอกาสในการบริโภคน้ำมันหรือลดการใช้เครื่องปรุงที่ไม่เป็นมิตรต่อร่างกายลงอีกด้วย เพราะอาหารนึ่งส่วนใหญ่มักจะมีรสชาติอ่อน ไม่จัดจ้านมากนัก ดังนั้นวิธีทำให้อาหารสุกโดยการนึ่งจึงได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายจนถึงทุกวันนี้นั่นเองค่ะ
เคล็ดลับนึ่งปลาไม่ให้มีกลิ่นคาว
เมื่อมีเมนูเกี่ยวกับปลา สิ่งที่หลาย ๆ คนมักจะกังวลคือปัญหากลิ่นคาวปลาที่หากจัดการไม่ถูกวิธีก็อาจจะพาลทำให้เมนูที่ตั้งใจทำเสียดิบดีไม่อร่อยไปได้ ดังนั้นการทำความสะอาดและเตรียมปลาก่อนนำไปนึ่งจึงเป็นขั้นตอนสำคัญมาก ๆ ค่ะ วันนี้เราเลยมีเคล็ดลับในการเตรียมไม่ให้มีกลิ่นคาวมาฝากเพื่อน ๆ ค่ะ
โดยขั้นตอนแรกนั้นเริ่มจากการเตรียมปลาก่อนเลย สำหรับปลาทุกชนิด บริเวณที่ส่งกลิ่นคาวได้มากที่สุดก็คือส่วนท้องและเกล็ด ดังนั้นก่อนที่จะขอดเกล็ดปลาเราจะต้องนำเกลือมาขัดถูบริเวณตัวปลาเพื่อล้างเอาเมือกและกลิ่นคาวออกให้หมด จากนั้นค่อย ๆ ขอดเกล็ดปลาจนหมดทั้งตัว เสร็จแล้วเราต่อด้วยการผ่าท้องควักไส้ปลา เมื่อถึงขั้นตอนนี้เพื่อน ๆ จะสังเกตเห็นว่าผนังท้องปลาด้านในจะมีลักษณะเป็นแผ่นสีดำ เราจะต้องขูดเอาแผ่นสีดำนี้ออกให้หมดเพราะจะทำให้เกิดกลิ่นคาวได้ในภายหลัง รวมถึงระหว่างการควักไส้จะต้องทำด้วยความระมัดระวัง หากไส้และดีปลาแตกจะเกิดทั้งกลิ่นคาวและรสขมซึมเข้าเนื้อปลาได้
หลังจากทำครบทุกขั้นตอนแล้วเราจะราดน้ำส้มสายชูลงบนผิวปลาเล็กน้อย ขัดถูอีกนิดหน่อยก่อนนำไปล้างทำความสะอาด ส่วนในขั้นตอนการนึ่งจะต้องเตรียมหม้อนึ่งให้ร้อนได้ที่ก่อนนำปลาลงนึ่ง และตลอดระยะเวลาในการนึ่งจะต้องใช้ไฟแรงและคงที่ แค่นี้ปลาของเราก็จะมีทั้งกลิ่นและรสชาติหอมหวาน ไม่มีกลิ่นคาวมากวนใจแล้วค่ะ
สูตรเมนูปลานึ่ง
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงเมนูนึ่ง วัตถุดิบแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึงและจะดีต่อสุขภาพจะเป็นอะไรไปไม่ได้ถ้าไม่ใช่ปลา เนื่องจากปลาเป็นวัตถุดิบที่เต็มไปด้วยสารอาหารสำคัญอย่างโอเมก้า 3, โปรตีนชั้นดี และมีไขมันต่ำ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยเมนูปลานึ่งจึงเป็นที่ถูกใจของใครหลาย ๆ คนค่ะ
1. ปลาดอลลี่นึ่งเต้าเจี้ยว
เริ่มต้นกันที่เมนูเพื่อสุขภาพอย่างปลาดอลลี่นึ่งเต้าเจี้ยวค่ะ เมนูนี้เหมาะกับผู้สูงอายุและเด็ก ๆ เพื่อเนื้อปลาดอลลี่มีความนุ่มกำลังดี ไม่เข็ง และไม่มีก้าง รสชาติหวานธรรมชาติของเนื้อปลาเข้ากันได้ดีกับรสเค็มอ่อน ๆ ของเต้าเจี้ยวและซีอิ๊ว กัดเข้าไปคำแรกจะได้กลิ่นหอม ๆ ของทั้งเต้าเจี้ยว, เห็ดหอม และคึ่นฉ่ายอบอวลอยู่ในปาก เมื่อเริ่มเคี้ยวเนื้อปลาก็จะแตกออกและส่งรสชาติหวานฉ่ำออกมาทักทาย ยิ่งได้ข้าวสวยร้อน ๆ สักจานยิ่งอิ่มอร่อยสุด ๆ ไปเลยค่ะ
วัตถุดิบปลาดอลลี่นึ่งเต้าเจี้ยว
- เนื้อปลาดอลลี่
- คึ่นฉ่าย
- ขิงอ่อน
- เห็ดหอมสด
- น้ำตาล
- เต้าเจี้ยว
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำซุป
วิธีทำปลาดอลลี่นึ่งเต้าเจี้ยว
ขั้นตอนแรกเราจะมาล้างทำความสะอาดเนื้อปลาดอลลี่ก่อนค่ะ จากนั้นเตรียมหม้อนึ่งให้พร้อม ระหว่างรอหม้อนึ่งร้อนเราก็หันมาซอยขิง หั่นคึ่นฉ่าย และเตรียมน้ำราดปลาโดยการผสมน้ำตาล, ซีอิ๊วขาว, เต้าเจี้ยว, และน้ำซุปพอประมาณแล้วคนจนน้ำตาลละลาย หลังจากนั้นหันมาวางขิงรองบนจาน ตามด้วยเนื้อปลา, เห็ดหอม และเต้าเจี้ยว จากนั้นนำจานปลาลงนึ่งในหม้อนึ่งที่ร้อนได้ที่ ใช้เวลาประมาณ 10 – 15 นาที หรือจนกว่าเนื้อปลาจะเปลี่ยนเป็นสีขาวและแน่ใจว่าสุกดีแล้วเราจะโรยคึ่นฉ่ายและปิดฝานึ่งต่ออีก 3 นาทีให้คึ่นฉ่ายสลดและมีกลิ่นหอม จากนั้นจึงนำออกมาจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
2. ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว
สำหรับคนที่ไม่ถนัดเต้าเจี้ยวสักเท่าไหร่ลองเปลี่ยนมาทำปลากะพงนึ่งซีอิ๊วทานกันดูค่ะ อีกหนึ่งเมนูนึ่งร้อน ๆ หอมกรุ่นส่งตรงจากเตา ปลากะพงเป็นอีกหนึ่งปลาทะเลที่นิยมนำมาประกอบอาหารเนื่องจากมีราคาถูก หาซื้อง่าย และมีรสชาติดีค่ะ ยิ่งได้นำมาทานพร้อมกับน้ำราดที่มีส่วนผสมของทั้งสมุนไพร, ซอสปรุงรส, ขิง และน้ำมันงาหอม ๆ ยิ่งเสริมให้เมนูนี้หอมชวนให้เจริญอาหาร ทั้งอิ่มท้องและได้รับสารอาหารครบถ้วนอย่างนี้อย่ามัวรอช้าตามไปจดสูตรกันได้ที่ เมนูปลา: ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว
3. ปลาช่อนนึ่งสมุนไพร
เปลี่ยนมาทานปลาน้ำจืดอย่างปลาช่อนบ้าง เมนูนี้เรียกว่าเป็นเมนูเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริงเพราะแทบจะไม่มีเครื่องปรุงรสอะไรเลยนอกจากเกลือธรรมชาติและผักอีกประมาณครึ่งสวน เราจะเลือกใช้ปลาช่อนตัวอวบ ๆ เนื้อเยอะ ๆ หวานฉ่ำ มาถูเกลือเพื่อล้างเอากลิ่นคาวออกและทำให้เนื้อปลามีรสชาติดีขึ้น จากนั้นนำมานึ่งพร้อมกับเครื่องสมุนไพรและผักสด ไม่ว่าจะเป็นเครื่องหอมอย่างข่า, ตะไคร้, ใบมะกรูด หรือผักหวาน ๆ อย่างฟักทอง, มะเขือเปราะ หรือกะหล่ำปลีต่างก็ช่วยเพิ่มสารอาหารและรสชาติ เมนูนี้เหมาะกับการนำมาทานพร้อมกับน้ำจิ้มแจ่วหรือแจ่วบองจะแซ่บสุด ๆ
วัตถุดิบปลาช่อนนึ่งสมุนไพร
- ปลาช่อน
- ข่าแก่
- ตะไคร้
- ใบมะกรูด
- ฟักทอง
- ข้าวโพดอ่อน
- มะเขือเปราะ
- กะหล่ำปลี
- ใบแมงลัก
- เกลือ
วิธีทำปลาช่อนนึ่งสมุนไพร
ขั้นตอนแรกเราจะนำปลาช่อนมาล้างทำความสะอาดก่อนค่ะ เคล็ดลับในการทำให้เนื้อปลามีกลิ่นคาวน้อยก็คือเกลือค่ะ ก่อนที่จะนำไปปรึงเราจะนำปลาช่อนมาถูด้วยเกลือจนทั่วก่อน เกลือจะช่วยขัดเอาเมือกและกลิ่นคาวต่าง ๆ ออกจากตัวปลาได้มากขึ้น เสร็จแล้วล้างน้ำเปล่าให้สะอาดอีกรอบ ใช้มีดบั้งข้างลำตัวปลาประมาณ 2 – 3 ครั้งให้ครบทั้ง 2 ด้านเพื่อช่วยให้เนื้อปลาสุกทั่วถึงกันและไม่แตกค่ะ
เตรียมปลาเสร็จแล้วเราจะมาเตรียมผักกันต่อ สำหรับผักที่จะทานคู่กันสามารถเลือกใช้ได้ตามชอบเลยนะคะ เราจะเริ่มจากนำข่า, ตะไคร้ และใบมะกรูดมาทุบให้พอแตกแล้วยัดใส่ในท้องปลาก่อน จากนั้นปอกเปลือกและหั่นฟักทองเป็นชิ้นพอดีคำ ตามด้วยผักที่เหลือ หลังจากเตรียมผักเสร็จเรียบร้อยแล้วเราจะเตรียมหม้อนึ่งให้ร้อนได้ที่ นำผักแข็ง ๆ อย่างฟักทองและกะหล่ำปลีลงนึ่งก่อน ใช่เวลาประมาณ 10 นาทีผักก็จะเริ่มสุกแล้วค่ะ คราวนี้เราจะนำปลาและผักที่เหลือลงนึ่งพร้อมกัน นึ่งไฟแรงไปเรื่อย ๆ จนแน่ใจว่าเนื้อปลาและผักสุกดีแล้วจึงยกขึ้นมาจัดใส่จานแล้วเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแซ่บ ๆ (ทั้งนี้เพื่อน ๆ สามารถเปลี่ยนเมนูผักเครื่องเคียงเป็นประเภทใดก็ได้ ไมจำเป็นต้องเป็นผักตามที่บอก)
4. ปลากะพงนึ่งมะนาว
เพิ่มความจัดจ้านขึ้นมาอีกนิดด้วยเมนูแซ่บ ๆ อย่างปลากะพงนึ่งมะนาว เพื่อน ๆ จะต้องถูกใจแน่นอนค่ะเพราะนอกจากความจัดจ้านถึงพริกถึงกระเทียมแล้วเมนูนี้ยังมีกลิ่นหอมฟุ้งของมะนาวที่คั้นเองสด ๆ กับมือ งานนี้เรียกเพื่อน ๆ มารวมตัวตั้งวงกันเลยจ้าเพราะแซ่บขนาดนี้ไม่เหมาะที่จะทานเป็นกับข้าวแน่นอน ปลากะพงนึ่งมะนาวของเราจะมีรสชาติเปรี้ยว เผ็ด เค็ม และหวานปิดท้ายนิด ๆ ในส่วนของเนื้อปลาบอกเลยว่าทั้งหวานและฉ่ำไปด้วยรสชาตของน้ำราดที่อร่อยครบรส ยิ่งตักเนื้อปลาขึ้นมาเป็นก้อน ๆ นะหืมมมม บอกเลยว่าฟินสุด ๆ ใครอดใจไม่ไหวแล้ววาร์ปไปดูวัตถุดิบและวิธีการทำได้ที่ เมนูนึ่งมะนาว: ปลากะพงนึ่งมะนาว
5.ปลาแซลมอนนึ่งซอสพอนสึ
ถัดมาเป็นเมนูปลานึ่งซอสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ๆ จากแดนอาทิตย์อุทัย ปลาแซลมอนเป็นปลาทะเลอีกหนึ่งชนิดที่เรานิยมนำมารับประทานทั้งแบบดิบหรือปรุงสุก วันนี้เราอยากให้เพื่อน ๆ ลองนำเนื้อแซลมอนชิ้นโตมาทานกับซอนพอนสึดูค่ะ นำปลาแซลมอนมานึ่งพร้อมกับผักเพิ่มความหวานหอม หลังจากนั้นราดซอสพอนสึตามลงไปแล้วจัดเสิร์ฟ ปลาที่นึ่งมาอย่างพอดีจะยังคงความฉ่ำและอวบดูน่าลิ้มลอง ลองตักออกมานึ่งคำและจิ้มซอสอีกนิดหน่อย รสชาติเปรี้ยว ๆ ของซอสเข้ากับความหวานของเนื้อปลาได้เป็นอย่างดี ตักผักนึ่งทานตามไปอีกหนึ่งคำเพื่อตัดเปรี้ยวและล้างปากให้พร้อมสำหรับคำต่อไป รับรองว่าเพื่อน ๆ จะต้องฟินแน่นอน
วัตถุดิบปลาแซลมอนนึ่งซอสพอนสึ
- เนื้อปลาแซลมอน
- ผักกาดขาว
- หอมใหญ่
- บร็อกโคลี
- พริกชี้ฟ้า
- ต้นหอม
- เกลือ
- พริกไทย
- ซอสพอนสึ
วิธีทำปลาแซลมอนนึ่งซอสพอนสึ
ก่อนอื่นเราจะเลือกซื้อแซลมอนส่วนท้องติดมันมาก่อนค่ะ เลือกชิ้นหนา ๆ เลยตอนทานจะได้อร่อยสะใจ จากนั้นนำมาล้างทำความสะอาดสักหน่อย ใช้กระดาษอเนกประสงค์ซับน้ำให้แห้งแล้วปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยนิดหน่อย พริกปลาไว้แล้วหันมาล้างทำความสะอาดผักกาดขาว, บร็อกโคลี, พริกชี้ฟ้า และต้นหอม ส่วนหอมใหญ่เราจะนำมาหั่นเป็นแว่นเตรียมไว้ค่ะ
เตรียมหม้อนึ่งให้พร้อม จากนั้นวางผักกาดขาวรองบนภาชนะทนความร้อน ตามด้วยเนื้อปลาแซลมอน, หอมใหญ่ และบร็อกโคลี นำลงนึ่งประมาณ 10 – 15 นาที หรือจนกว่าหอมใหญ่จะสุกใส หลังจากครบเวลาแล้วเปิดฝาหม้อนึ่ง ราดซอสพอนสึตามลงไปประมาณ 2 – 3 ช้อนโต๊ะ แล้วปิดฝานึ่งต่ออีก 3 นาที จากนั้นปิดเตาแล้วนำภาชนะออกจากตัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
6. ปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วย
ยังอยู่กับเมนูเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ แต่คราวนี้ลองเปลี่ยนมาทำอาหารเหลาสไตล์จีนกันบ้าง ปลานึ่งบ๊วยเป็นเมนูยอดนิยมในช่วงเทศกาลตรุษจีนเนื่องจากเมนูนี้มีจุดเด่นอยู่ที่ความหอมหวานและรสชาติเปรี้ยวสดชื่นของบ๊วยดอง เราจะเลือกใช้ปลาจาระเม็ดตัวอ้วนโตนำมาแล่ให้เห็นเนื้อสีขาวนวล วางบนขิงอ่อนที่ให้กลินหอมช่วยดับคาวปลา ราดด้วยน้ำซอสบ๊วยดองรสชาติเปรี้ยวเค็ม ทานร้อน ๆ จะได้ทั้งกลิ่นหอมและรสชาติเปรี้ยวเค็มสดชื่น
วัตถุดิบปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วย
- ปลาจาระเม็ด
- ต้นหอม
- พริกชี้ฟ้าแดง
- ขิง
- เห็ดหอมแห้ง
- พริกไทยป่น
- น้ำตาล
- บ๊วยดอง
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำมันงา
วิธีทำปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วย
ขั้นตอนแรกเราจะนำปลามาล้างทำความสะอาดและขอดเกล็ดออกก่อนค่ะ จริง ๆ แล้วปลาจาระเม็ดเป็นปลาเกล็ดอ่อน สามารถทานเกล็ดได้แต่เมนูนี้เราจะนำปลามานึ่ง ดังนั้นแนะนำให้ขอดเกล็ดออกสักหน่อยเพื่อความฟินตอนทานค่ะ ขอดเกล็ดควักไส้ปลาเรียบร้อยแล้วเราจะบั้งตั้งปลาทั้ง 2 ด้านเป็นตาราง จากนั้นหั่นมาหั่นขิงเป็นแว่น นำเห็ดหอมแช่น้ำและหั่นเป็นชิ้น, ซอยต้นหอมและพริกชี้ฟ้าแดง ส่วนน้ำราดเราจะผสมเนื้อบ๊วย, น้ำบ๊วย, พริกไทยป่น, น้ำตาล, ซีอิ๊วขาว และน้ำมันงาเข้าด้วยกันแล้วคนจนน้ำตาลละลาย
เตรียมหม้อนึ่งให้พร้อม นำขิงวางรองบนจาน ตามด้วยปลาจาระเม็ด โรยหน้าด้วยเห็ดหอมและราดน้ำที่เตรียมไว้ลงไป นำปลาลงนึ่งประมาณ 15 – 20 นาทีขึ้นอยู่กับขนาดของปลา หลังจากครบเวลาแล้วนำปลาออกมาตกแต่งด้วยพริกชี้ฟ้าและต้นหอมซอย แค่นี้ปลาจาระเม็ดนึ่งบ๊วยหอม ๆ ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ
7. ปลานิลนึ่งขิง
สุดยอดเมนูเพื่อสุขภาพที่เราอยากแนะนำให้คุณได้รู้จักก็คือเมนูปลานิลนึ่งขิงค่ะ เมนูนี้นอกจากความอร่อยแล้วยังได้สุขภาพเน้น ๆ เพราะปลานิลเป็นปลาน้ำจืดที่มีไขมันต่ำ โปรตีนสูง อีกทั้งยังมีราคาถูกและหาซื้อได้ง่าย นำมานึ่งกับขิงที่เป็นสุดยอดสมุนไพรต้านโรค นอกจากรสเผ็ดอ่อน ๆ ช่วยขับลมแล้วยังช่วยลดกลิ่นคาวปลาได้เป็นอย่างดี เสริมทัพด้วยน้ำซอสรสชาติอร่อยกลมกล่อม แค่ทานเข้าไปคำแรกก็สัมผัสได้ถึงความสุขภาพดีแล้วค่ะ
วัตถุดิบปลานิลนึ่งขิง
- ปลานิล
- ขิงอ่อน
- ต้นหอม
- พริกชี้ฟ้า
- พริกไทยป่น
- ซอสหอยนางรม
- ซีอิ๊วขาว
วิธีทำปลานิลนึ่งขิง
นำปลานิลมาล้างทำความสะอาดแล้วหั่นเป็นชิ้นก่อนค่ะ จากนั้นหยิบขิงมาล้างทำความสะอาด ปอกเปลือกและซอยเป็นเส้นหนาบางตามชอบ ส่วนต้นหอมและพริกชี้ฟ้าเราจะนำมาซอยเป็นเส้นสำหรับตกแต่งเพื่อความสวยงาม เสร็จแล้วเตรียมหม้อนึ่งให้พร้อม ระหว่างรอหม้อนึ่งร้อนเราจะผสมพริกไทยป่น, ซอสหอยนางรม และซีอิ๊วขาวเข้าด้วยกัน แบ่งขิงส่วนหนึ่งมารองก้นภาชนะ ตามด้วยปลานิล โรยขิงอีกหนึ่งชั้นและราดน้ำซอสทับลงไป นำลงหม้อแล้วนึ่งด้วยไฟแรงประมาณ 15 – 20 นาทีขึ้นอยู่กับขนาดของปลาจนปลาสุกได้ที่ นำออกมาตกแต่งด้วยต้นหอมและพริกชี้ฟ้าก่อนจัดเสิร์ฟ
8. ห่อหมกปลา
เปลี่ยนบรรยากาศมาทำห่อหมกปลากันบ้างดีกว่า เมนูนี้รับรองว่าถูกใจคนชอบทานอาหารรสจัดจ้านแน่นอนค่ะเพราะจะเลือกใช้ปลาแซลมอนแย่างดี นำมาผสมกับพริกแกงเผ็ดแบบจัดจ้านถึงใจ ปรุงรสชาติให้เข้มข้นแล้วนำไปนึ่งจนสุกหอม แกะห่อออกมาได้กลิ่นพริกแกงหอมกรุ่นผสมไปกับกลิ่นหอมสดชื่นของใบโหระพา ในส่วนของรสชาติก็ไม่น้อยหน้าเพราะมีครบทั้งเผ็ด, หวาน และเค็มอ่อน ๆ ช่วยเพิ่มความอยากอาหาร ยิ่งได้ทานพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ หอม ๆ สักจานบอกเลยว่างานนี้มีเติมข้าวไม่จนลืมอิ่ม พูดแล้วก็เริ่มหิวรีบตามไปจดวัตถุดิบและวิธีทำได้ที่ เมนูปลาแซลมอน: ห่อหมกปลาแซลมอน
9. เมี่ยงปลาซาบะ
ห่อหมกยังไม่อิ่มขอปิดท้ายด้วยเมี่ยงปลาซาบะชุดใหญ่ไฟกะพริบ! ยังวันไหนมีปาร์ตี้ยิ่งต้องจัดเพราะเมนูนี้นอกจากความอร่อยและยังดีต่อสุขภาพอีกด้วยนะเธอ งานนี้เราจะเลือกปลาซาบะตัวโต ๆ เนื้อแน่น ๆ มานึ่งกับสมุนไพรจนสุกหอม จากนั้นเตรียมล้างผักสดให้สะอาดแล้วตำน้ำจิ้มถั่วตัดไว้ทานคู่กัน ก่อนทานก็ตักเนื้อปลาขึ้นมาหนึ่งชิ้น ราดน้ำจิ้มลงไปแล้วห่อด้วยผักกาดและผักชีฝรั่งอีกนิดหน่อย น้ำจิ้มถั่วตัดรสชาติเผ็ดเปรี้ยวเข้ากันได้ดีกับความหวานและรสเค็มอ่อน ๆ ของเนื้อปลา บอกเลยว่าทานเพลินสุด ๆ จ้า วาร์ปไปจดสูตรเมนูเด็ดกันได้ เมนูปลาซาบะ: เมี่ยงปลาซาบะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับ 9 เมนูปลานึ่งที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ ในบทความนี้ แค่อ่านก็รู้สึกได้ถึงความสุขภาพดีกันแล้วใช่ไหมล่ะ อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีอยู่แล้วว่าเมนูต้ม ๆ นึ่ง ๆ เนี่ยเป็นอาหารที่เหมาะที่สุดสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก เพราะการนำอาหารมานึ่งนอกจากจะช่วยเก็บรักษาสารอาหารและรสชาติแล้วยังช่วยลดลดการใช้เครื่องปรุงและลดไขมันจากการทอดหรือความเสี่ยงจากการย่างได้อีกด้วย แต่ทุกอย่างมีทั้งด้านบวกและลบ การทานเฉพาะปลาหรือของนึ่งอย่างเดียวอาจจะส่งผลเสียต่อร่างกายในระยะยาวได้ ดังนั้นการเลือกทานอาหารให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อวัว, ผัก, หมู, ไก่, อาหารทะเล, ผลไม้, เต้าหู้ หรือนมจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการดูแลตัวเอง เพียงทานให้พอดีและเหมาะสมก็ช่วยให้เราดูดีได้แล้วนะคะเพื่อน ๆ
Reference :
- การประกอบอาหารเพื่อสงวนคุณค่าทางโภชนาการ – คณะเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่