สำหรับคนไทยอย่างเราแล้ว ข้าวถือเป็นอาหารหลักที่เราต้องทานทุกวันและช่วยให้เราอิ่มท้องได้มากที่สุด ซึ่งสำหรับตัวของเราเองแล้ว ไม่ว่าจะทานอาหารมาเยอะแค่ไหนสุดท้ายก็ต้องมาจบที่ข้าวค่ะ 55555 ข้าวเป็นอาหารหลักที่ขาดไม่ได้จริง ๆ แต่จะให้ทานข้าวสวยกับกับข้าวก็อาจจะเบื่อ ๆ ไปบ้าง และบางครั้งเราก็ไม่มีเวลามากพอที่จะมาทำกับข้าวครั้งละสามสี่อย่าง ดังนั้นเมนูข้าวที่ง่ายที่สุดก็คงจะหนีไม่พ้นเพื่อนรักเพื่อนยากอย่าง “ข้าวผัด” นั่นเอง
ข้าวผัดถือเป็นอาหารที่ทำง่าย ทานง่าย มีความไหลลื่นทางวัฒนธรรม (ว่าซั่น) คือเราสามารถนำข้าวสวยเนี่ยมาผัดกับอะไรก็ได้ที่เราสามารถหาได้ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู, เนื้อไก่, เนื้อปลา, ปลากระป๋อง, ผักต่าง ๆ , ผัดกะเพรา, ผัดเครื่องแกง, กากหมู, แหนม หรือแม้แต่ไข่เค็ม ไม่ว่าคุณจะนำอะไรก็ตามมาผัดกับข้าว อาหารจานนั้นก็จะกลายเป็นข้าวผัดโดยทันที! เห็นมั้ยคะว่าข้าวผัดเนี่ยเราสามารถนำมาดัดแปลงเป็นอะไรได้อีกหลาย ๆ เมนูเลยค่ะ เพื่อน ๆ สามารถดัดแปลงข้าวผัดธรรมดาเป็นเมนูใหม่ ๆ ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้อีกด้วย และเมนูข้าวผัดที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ วันนี้ขอบอกเลยว่าทำง่ายและสามารถทานได้บ่อย ๆ ไม่เบื่อแน่นอนค่ะ
ผัดข่าวอย่างไรไม่ให้แฉะ
การผัดข่าวอย่างไรไม่ให้แฉะนี่เราจะต้องใช้ข้าวเย็นค่ะ ข้าวเย็นในที่นี้ไม่ได้หมายถึงอาหารมื้อเย็นหรืออาหารค่ำนะคะ แต่เรากำลังพูดถึงข้าวสวยแช่เย็น เพื่อน ๆ เคยสังเกตมั้ยคะว่าเวลาเปิดสูตรอาหารต่าง ๆ ไม่ว่าตำราไหน ๆ เขาก็ให้ใช้ข้าวเย็นในการทำข้าวผัด แล้วข้าวเย็นคืออะไร? ข้าวเย็นทำมาจากกอะไร? แล้วทำไมต้องใช้ข้าวเย็น วันนี้เราจะไขข้อข้องใจ (หรือเปล่า) กันค่ะว่าทำไมการทำข้าวผัดให้อร่อยจึงต้องใช้ข้าวเย็น
ทำ ข้าวเย็น เพื่อใช้ในการผัดข้าวผัด
ข้าวเย็นก็คือข้าวสวยหุงสุกธรรมดาเลยค่ะเพื่อน ๆ แต่ก่อนที่จะนำมาผัดข้าวเราจะนำข้าวเย็นหรือข้าวเหลือเนี่ยมายีให้ร่วน แล้วนำไปแช่ตู้เย็นไว้ข้ามคืนหลังจากนั้นค่อยนำมาทำข้าวผัดค่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ไม่มีข้าวเย็นเหลือเลย แบบฉันอยากจะหุงข้าวตอนนี้ อยากทานข้าวผัดตอนนี้ เราก็สามารถทำข้าวเย็นได้ด้วยการผสมน้ำมันพืชสักเล็กน้อยหลังจากซาวข้าวเรียบร้อยแล้ว คลุกให้น้ำมันเคลือบเมล็ดข้าวให้ทั่วแล้วหุงต่อตามปกติได้เลยค่ะ หลังจากข้าวสุกแล้วก็รีบตักข้าวมายีให้ร่วนแล้วตักพัดลมให้ความร้อนออกจากข้าวเร็วที่สุด แค่นี้เราก็ได้ข้าวเย็นสำหรับทำข้าวผัดแล้ว
ทำไมต้องใช้ข้าวเย็นในการทำข้าวผัด
สาเหตุที่เราต้องใช้ข้าวเย็นในการทำข้าวผัดก็เพราะว่า ในข้าวเย็นเนี่ยจะมีความชื้น มีความร้อนน้อยค่ะ เมื่อนำมาผัดเนี่ยข้าวก็จะซึมซับเครื่องปรุง ซึมซับน้ำซอสได้ดี ทำให้ความหอม ความอร่อยเนี่ยมันซึมเข้าไปอยู่ในเมล็ดข้าว เวลาที่เราเคี้ยวแล้วเม็ดข้าวจะแตก ความหอม กลิ่นคั่วกระทะต่าง ๆ ที่ถูกซึมซับอยู่ในเมล็ดข้าวตอนที่เราผัดมันออกมาตลบอบอวลอยู่ในปาก แถมเมล็ดข้าวก็จะเรียงตัวสวย ทานง่าย ไม่จับเป็นก่อนแถมน้ำซอสก็จะคลุกได้ทั่วทุกเมล็ดอีกด้วยค่ะ แต่ถ้าเราใช้ข้าวที่เพิ่งหุงสุกใหม่ ๆ เนี่ยความชื้นเอย ความร้อนเอย ความแฉะต่าง ๆ นา ๆ มันจะยังอยู่ในเมล็ดข้าว ทำให้ข้าวผัดของเราเละ ดูแฉะ ๆ ไม่น่าทาน ข้าวก็จะจับตัวเป็นก้อน ๆ และซอสจะคลุกได้ไม่ทั่วอีกด้วย
เอาล่ะค่ะ ตอนนี้เราก็รู้เคล็ดลับความอร่อยของข้าวผัดแล้ว เรามาดูกันต่อเลยว่าข้าวผัดสูตรเด็ดที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ วันนี้จะมีอะไรบ้าง อย่างรอช้า ไปกันเลย
1. ข้าวผัดน้ำพริกกะปิ
สำหรับคที่ชอบทานอาหารเผ็ด ๆ ต้องชอบเมนูนี้แน่นอนค่ะ ข้าวผัดน้ำพริกกะปิของเราบอกเลยว่าทำง่ายม๊ากกกกก ทำง่ายกว่าที่คิด แค่เตรียมปลาทู เตรียมน้ำพริก แล้วนำส่วนผสมทั้งหมดมาผัดกับข้าวสวยให้เข้ากัน ใช้เวลาไม่นานข้าวผัดน้ำพริกกะปิก็พร้อมรับประทานแล้วค่ะ บอกเลยว่ากลิ่นหอมชวนน้ำลายสอมาก ๆ ส่วนรสชาติมาครบจัดเต็มทั้งเปรี้ยว เผ็ด เค็ม หวาน พร้อมเนื้อปลาทอดกรอบชิ้นโต ๆ และผักสดครึ่งไร่
วัตถุดิบข้าวผัดน้ำพริกกะปิ
- ปลาทู
- ข้าวสวยค้างคืน
- พริกขี้หนู
- กระเทียม
- มะนาว
- กะปิ
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำมันพืช
วิธีทำข้าวผัดน้ำพริกกะปิ
ขั้นตอนแรกตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เปิดไฟกลางจนน้ำมันร้อนแล้วน้ำปลาทูไปทอดจนเหลืองกรอบเลยค่ะ เสร็จแล้วนำกะปิมาย่างไฟจนหอมตลบอบอวล
ตำกระเทียมและพริกให้เข้ากัน ตามด้วยปะปิย่าง ปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำปลา และน้ำมะนาว คนผสมให้เข้ากันเราก็จะได้นำพริกกะปิมาหนึ่งถ้วย เสร็จแล้วก็นำปลาทูมาเลาะเอาก้างบริเวณหลังและท้องออก เลือกเอาเฉพาะเนื้อเตรียมไว้
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน เร่งไฟกลางแล้วนำข้าวสวยลงไปผัด ตามด้วยน้ำพริกในปริมาณที่เหมาะสม ถ้าเพื่อน ๆ ใส่น้ำพริกเยอะจนเกินไปข้าวจะแฉะนะคะ ผัดต่อไปเรื่อย ๆ จนข้าวแห้งและร่วนดีแล้วก็ตักใส่จาน วางปลาทูทอดลงไปด้านบนสวย ๆ พร้อมเสิร์ฟ
2. ข้าวคลุกกะปิ
มาต่อกันที่เมนูข้าวเครื่องแน่นจัดเต็มที่ได้สารอาหารครบครัน ข้าวผัดร่วน ๆ มาพร้อมกับหมูหวานและมะม่วงเปรี้ยว ไหนจะไข่เส้นเอย พริกเอย หอมเอย กุนเชียงเอย จัดมาแน่น ๆ จนแทบจะล้นจาน ในส่วนของรสชาตินั้นบอกเลยว่าไม่เป็นสองรองใคร ข้าวคลุกกะปิของเรามาครบทั้งความเผ็ดหอมของพริกขี้หนูซอย หมูหวานรสกลมกล่อม และช้าวผัดกะปิรสเค็มอ่อน ๆ เพิ่มมิติด้วยมะมวงเปรี้ยวและไข่เจียวหอม ๆ
วัตถุดิบข้าวคลุกกะปิ
- ข้าวสวยค้างคืน
- หมูสามชั้น
- ไข่ไก่
- กุนเชียง
- มะม่วงเปรี้ยว
- พริกขี้หนูสด
- ถั่วฝักยาว
- หอมแดง
- กระเทียม
- มะนาว
- กะปิ
- สามเกลอ
- เกลือ
- น้ำตาล
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสปรุงรส
- ซีอิ๊วดำหวาน
- น้ำมันพืช
- น้ำเปล่า
วิธีทำข้าวคลุกกะปิ
ขั้นตอนแรกเราต้องเตรียมวัตถุดิบทั้งหมดให้พร้อมก่อนค่ะ เริ่มจากการหั่นหมูสามชั้นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตามด้วยซอยมะม่วงเป็นเส้น ซอยพริกขี้หนู, หอมแดง, ถั่วฝักยาว และกระเทียม ฝานกุนเชียงเป็นชิ้น ตามด้วยมะนาว และเผากะปิให้หอมเลยค่ะ
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพอประมาณ ใช้ไฟกลางแล้วนำหอมแดงและสามเกลอลงผัดจนสุกหอม ตามด้วยเนื้อหมู ผัดไปเรื่อย ๆ จนเนื้อหมูเริ่มสุกตึงก็ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว, ซอสปรุงรส และซีอิ๊วดำหวาน ผัดให้เข้ากัน เติมน้ำจนท่วมเนื้อหมู หลังจากนั้นปล่อยทิ้งไว้จนหมูเริ่มสุกนุ่มแล้วเพิ่มความหวานด้วยน้ำตาล ใส่เกลือตัดรสชาติอีกนิด เคี่ยวต่อจนน้ำตาลละลาย น้ำงวด และหมูหวานของเราข้นเหมือนคาราเมลก็ปิดเตาแล้วตักขึ้นมาพักไว้ก่อน
ตอกไข่ใส่ชาม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวเล็กน้อย ตีให้เข้ากัน แล้วนำไปทอดเป็นแผ่นบาง ๆ ในกระทะ หลังจากนั้นม้วนแล้วหั่นไข่เป็นเส้น ๆ รอไว้ได้เลยค่ะ เสร็จแล้วนำกะปิย่างมาละลายกับน้ำอุ่นเตรียมไว้
ตั้งกระทะ ใส่น้ำลงไปพอประมาณ ใช้ไฟกลางค่อนอ่อนต้มจนน้ำเริ่มเดือดนำกุนเชียงลงไปทอด ผัดไปเรื่อย ๆ จนน้ำแห้งและมันกุนเชียงออกมา ทอดต่อจนกุนเชียงมีสีเข้มขึ้นตามใจชอบ ตักขึ้นมาพักไว้
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพอประมาณ ใช้ไฟกลางจนน้ำมันร้อนนำกระเทียมลงไปผัดจนหอม ตามด้วยกะปิละลาย ผัดไปเรื่อย ๆ จนกะปิสุกหอมแล้วใส่ข้าวสวยตามลงไป ผัด ๆ คลุก ๆ ให้ข้าวร่วนและหอมกลิ่นกะปิตลบอบอวลไปเลยค่ะ เสร็จแล้วก็ตักใส่ภาชนะรอไว้
มาถึงขั้นตอนสุดท้ายแล้ว ตักข้าวใส่จาน วางเครื่องเคียงลงไปรอบ ๆ เริ่มจากหมูหวาน, กุนเชียง, หอมซอย, มะม่วงเปรี้ยว, ถั่วฝักยาว, ไข่เส้น, พริกขี้หนูซอย และมะนาว ก่อนทานก็คลุกให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันแล้วบีบมะนาวปิดท้ายเพิ่มรสชาติค่ะ
3. ข้าวผัดกุ้ง
ใครไม่ชอบบ้างคะกับเมนูข้าวผัดกุ้งแสนอร่อยที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่เคยพอ เพราะกลิ่นหอมคั่วกระทะของข้าวและไข่ที่เคลือบข้าวไว้ทุกเมล็ด ทำให้เมล็ดข้าวร่วน เรียงตัวสวย ไม่แฉะหรือแข็งจนเกินไป เพิ่มความหอมของข้าวด้วยมันกุ้งสด ๆ และความหวานของหอมใหญ่ที่นำมาผัดจนสุกนุ่ม ผสานกุ้งตัวโต ๆ เนื้อฉ่ำ แน่น เด้ง กัดเข้าไปคำแรกจะสัมผัสไดเ้ถึงความสดใหม่จากทะเล เนื้อกุ้งหวานตามธรรมชาติ ยิ่งเคี้ยวก็จะยิ่งสัมผัสได้ถึงความอร่อย กลิ่นมันกุ้งหอมอบอวลอยู่ในปาก เพิ่มรสชาติอีกนิดด้วยมะนาวและพริกน้ำปลาหอม ๆ เผ็ด ๆ ที่เข้ากันได้อย่างลงตัว อย่ารอช้า ไปดูวิธีทำข้าวผัดกุ้งจานโตกันที่ เมนูจากกุ้ง ดูเสร็จแล้วก็กลับมาดูเมนูที่เหลือต่อนะคะ เราจะรอคุณอยู่ตรงนี้ที่เดิม รีบมานะ
4. ข้าวผัดแหนม
เปลี่ยนมาทำข้าวผัดรสเปรี้ยวกลมกล่อมกันบ้างกับเมนูข้าวผัดแหนม บอกเลยว่าเมนูทำง่ายมาก ๆ เพราะเราใช้วัตถุดิบแค่ไม่กี่อย่างเท่านั้น ส่วนเวลาที่ใช้ในการรังสรรค์เมนูนี้ก็น้อยนิด ส่วนรสชาติก็จะมีความเปรี้ยวจากแหนมเป็นหลัก ข้าวผัดจะมีกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ เพิ่มความเผ็ดด้วยพริกขี้หนูซอยอีกนิด ทานกับแตงกวาแช่เย็นชื่นใจและต้นหอมเพิ่มความอร่อย เป็นเมนูง่าย ๆ ที่อิ่มท้องได้นานเลยค่ะ
วัตถุดิบข้าวผัดแหนม
- ข้าวสวย
- แหนม
- ไข่ไก่
- คะน้า
- ต้นหอม
- หอมแดง
- พริกขี้หนู
- มะเขือเทศ
- มะนาว
- ซอสหอยนางรม
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำมันพืช
วิธีทำข้าวผัดแหนม
ล้างทำความสะอาดคะน้าให้เรียบร้อย จากนั้นเด็ดเอาใบแก่ ๆ ทิ้งไปค่ะ เราจะเอาเฉพาะก้านและยอดอ่อน หลังจากนั้นปอกเปลือกแข็ง ๆ บริเวณโคนคะน้าออกให้หมด ปอกจนถึงเนื้อด้านในสีขาว ๆ ใส ๆ เลยนะคะ เสร็จแล้วหั่นเป็นท่อน ๆ เตรียมไว้
คะน้าเสร็จแล้วมาหั่นมะเขือเทศต่อ ตามด้วยซอยต้นหอม ฝานมะนาว ซอยหอมแดง, ซอยพริก และหั่นแหนมเป็นชิ้นเตรียมไว้ ส่วนข้าวสวยก็นำออกมาพักไว้ใกล้ ๆ จะได้หยิบใช้ง่ายค่ะ
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพืชพอประมาณ ใช้ไฟกลางค่อนไปทางแรงแล้วนำหอมซอยลงไปผัดจนนุ่ม ส่งกลิ่นหอม ตามด้วย แหนมและไข่ไก่ ผัด ๆ คลุก ๆ ไปเรื่อย ๆ จนไข่สุก ตามด้วยก้านคะน้าและพริกขี้หนู ปรุงรสด้วยน้ำปลาและซอสหอยนางรม คลุกเคล้าให้เข้ากัน
หลังจากผัดจนคะน้าเริ่มสุกแล้วใส่ข้าวสวยตามลงไปเลยค่ะ ผัด ๆ คลุก ๆ อีกหนึ่งยก ขณะผัดก็คอยยีข้าวไม่ให้เกาะเป็นก้อน หลังจากข้าวร่วนดีแล้วใส่มะเขือเทศและต้นหอมตามลงไปค่ะ เพิ่มรสชาติด้วยน้ำตาลนิดหน่อย ผัดอีกรอบให้มะเขือเทศสลดหน่อยก็ตักใส่จาน ปิดท้ายด้วยมะนาวฝานและต้นหอมอีกสักต้นเพื่อความสวยงาม
5. ข้าวผัดสับปะรด
ใครจะคิดคะว่าผลไม้หวาน ๆ กับอาหารคาวเนี่ยเมื่อนำมารวมกันแล้วจะกลายเป็นเมนูใหม่ที่มีรสชาติไม่ธรรมดา ไม่ได้อร่อยถูกปากคนไทยเท่านั้นนะคะ เพราะเมนูข้าวผัดสับปะรดเนี่ยอร่อยจนติดลิสต์อาหารไทยที่ฝรั่งยกนิ้วให้เลย สงสัยฝรั่งจะติดใจความหวานความเปรี้ยวครบรสของเมนูนี้ ไหนจะข้าวผัดหอม ๆ และเม็ดมะม่วงหิมพานต์กรอบ ๆ มัน ๆ อีก แค่นี้ยังไม่พอเพราะเจ้าเมนูนี้ยังไปโผล่ในการ์ตูนดิสนีย์ชื่อดังอย่าง Mickey Mous ตอน Our Floating Dreams อีกด้วย ไปดูกันเลยดีกว่าว่าเมนูนี้มีวัตถุดิบและขั้นตอนการทำอย่างไรบ้าง
วัตถุดิบข้าวผัดสับปะรด
- เนื้อหมู
- กุ้งสด
- ไข่ไก่
- สับปะรด
- เม็ดมะม่วงหิมพานต์
- ต้นหอม
- กระเทียม
- เกลือ
- พริกไทยป่น
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำมันพืช
วิธีทำข้าวผัดสับปะรด
ขั้นตอนแรกเรามาเตรียมพระเอกของเรากันก่อนค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ ซื้อสับปะรดจากรถขายผลไม้ก็หั่นชิ้นได้เลย แต่ถ้าซื้อเป็นลูกมาก็จัดการหั่นออกมาซักด้านนึงแล้วปอกเปลือก หั่นเนื้อสับปะรดเป็นชิ้น ๆ อีกด้านก็คว้านเอาเนื้อแช่เย็นไว้ทานเป็นผลไม้ ส่วนเปลือกไม่ต้องทิ้งนะคะเราจะเก็บไว้ทำจานเก๋ ๆ
เตรียมสับปะรดเสร็จแล้วก็มาหั่นเนื้อหมูเป็นชิ้น ส่วนกุ้งก็ปอกเปลือกผ่าหลังให้เรียบร้อย เสร็จแล้วเราก็มาซอยกระเทียมและต้นหอมเตรียมไว้ค่ะ
ตังกระทะ ใส่น้ำมัน ใช้ไฟกลางจนน้ำมันร้อนก็นำกระเทียมลงไปผัดให้หอม ตามด้วยเนื้อหมู ผัดจนหมูเริ่มสุกเราค่อยใส่กุ้งตามลงไปค่ะ หลังจากนั้นตอกไข่ รอจนไข่ขาวเริ่มสุกค่อยยี้ให้เป็นริ้ว ๆ ปรุงรสด้วยเกลือ, พริกไทย, ซีอิ๊วขาว, น้ำปลา และน้ำตาลนิดหน่อย
หลังจากปรุงรสแล้วใส่ข้าวสวยลงไปเลย ผัด ๆ คลุก ๆ แล้วยีให้ข้าวแตกตัวไม่จับเป็นก้อน หลังจากผัดจนข้าวแห้งขึ้นและทุกอย่างเข้ากันดีแล้วปิดท้ายด้วยสับปะรดและต้นหอมซอย ปิดเตาแล้วผัดอีกหนึ่งยก หลังจากนั้นตักข้าวผัดใส่จานสับปะรดที่เราเตรียมไว้ก่อนหน้า จัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
6. ข้าวผัดปลากระป๋อง
ตามมาติด ๆ กับอีกหนึ่งเมนูข้าวผัดที่ง่ายแสนง่ายจากวัตถุดิบก้นครัว เมนูข้าวผัดปลากระป๋องจานนี้บอกเลยว่าอร่อยและใช้เวลาทำน้อยสุด ๆ เพียงแค่เพื่อน ๆ มีปลากระป๋องสักหนึ่งกระป๋องและข้าวสวยสักหนึ่งจาน นำทั้งสองอย่างมาผัดรวมกันจนข้าวร่วนและซอสปลากระป๋องเคลือบข้าวหมดทุกเม็ด แค่ไม่ถึง 10 นาทีข้าวผัดปลากระป๋องรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ จานเด็ดก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ ถ้าใครเป็นสายแซ่บ สายเผ็ดก็เพิ่มพริกขี้หนูกับมะนาวฝานลงไปอีกหน่อย บอกเลยว่าแซ่บลืม ส่วนวิธีการทำเพื่อน ๆ สามารถดูได้ที่ เมนูจากปลากระปอง นะจ๊ะ
7. ข้าวผัดรวมมิตร
ข้าวผัดรวมมิตรของเราขอบอกว่าไม่มีวัตถุดิบตายตัวค่ะ ในตู้เย็นมีอะไรเหลืออยู่ก็จับมาลงกระทะผัดกับข้าว กลายเป็นเมนูข้าวผัดรวมมิตรที่การทำแต่ละครั้งก็จะมีเอกลักษณ์ที่แตกต่างกันไปค่ะ แต่รสชาติหลัก ๆ ของเมนูนี้ก็คือความเค็มอ่อน ๆ หวานนิด ๆ กลมกล่อมของข้าว และกลิ่นไข่คั่วกระทะที่หอมตีจมูก รับรองว่าอร่อยและทานได้ไม่เบื่อแน่นอนค่ะ
วัตถุดิบข้าวผัดรวมมิตร
- เนื้อสัตว์ (หมู กุ้ง ไก่)
- ผัก (คะน้า ผักกวางตุ้ง ผักบุ้ง)
- ข้าวสวย
- ไข่ไก่
- มะเขือเทศ
- กระเทียม
- ซอสหอยนางรม
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสปรุงรส
- น้ำตาล
- น้ำมันพืช
วิธีทำข้าวผัดรวมมิตร
ขั้นตอนแรกเราเตรียมเนื้อสัตว์ให้พร้อมก่อนค่ะ หลังจากนั้นมาหั่นมะเขือเทศ สับกระเทียม และหั่นผักเตรียมไว้เลย
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน หลังจากน้ำมันร้อนแล้วนำกระเทียมลงไปผัดให้หอม ตามด้วยเนื้อสัตว์ หลังจากนั้นตามด้วยไข่ไก่ ยีจนไข่เริ่มสุกแล้วใส่ผักตามลงไปค่ะ ผักเริ่มสลดแล้วตามด้วยข้าวสวยและผัดให้ร่วน
หลังจากผัดข้าวจนร่วนดีแล้วปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซอสปรุงรส และน้ำตาลเพิ่มความอร่อยค่ะ หลังจากนั้นผัดคลุกเคล้าให้เครื่องปรุงกระจายทั่ว ปิดท้ายด้วยมะเขือเทศ ผัดอีกหนึ่งยกแล้วตักใส่จานได้เลยจ้า
8. ข้าวผัดกระเทียม
วันไหนอยากทานข้าวผัดเบา ๆ แกล้มกับแซลมอนย่างเกลือหรือทานพร้อมน้ำซุปหอม ๆ ร้อน ๆ เราขอแนะนำเมนูข้าวผัดกระเทียมเลยค่ะ ข้าวผัดของเราจะมีรสชาติอร่อยกลมกล่อม ทานร้อน ๆ จะมีกลิ่นหอมเนยเบา ๆ และกลิ่นกระเทียมหอม ๆ เป็นการผสมผสานที่เข้ากันสุด ๆ ไปดูกันเลยว่าข้าวผัดกระเทียมจะมีวัตถุดิบและวิธีทำอย่างไรบ้าง
วัตถุดิบข้าวผัดกระเทียม
- ข้าวสวย
- กระเทียม
- แครอท
- ต้นหอม
- เนยเค็ม
- พริกไทยป่น
- โชยุ
- น้ำมันพืช
วิธีทำข้าวผัดกระเทียม
ขั้นตอนแรกเราจะนำกระเทียมส่วนหนึ่งมาซอยบาง ๆ และอีกส่วนเราจะสับหยาบ ๆ เตรียมไว้ก่อน หลังจากนั้นซอยต้นหอมและนำแครอทมาหั่นเต๋าเป็นชิ้นเล็ก ๆ
ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ใช้ไฟกลาง หลังจากน้ำมันเริ่มร้อนเราจะนำกระเทียมซอยลงไปเจียวจนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง ตักขึ้นมาพักไว้ ไม่ต้องให้กระเทียมกรอบมากนะคะเพราะตอนตักขึ้นมาความร้อนสะสมจะทำให้กระเทียมสุกจนเกินไปและขมได้
ใช้กระทะใบเดิม เทน้ำมันออกนิดหน่อยแล้วนำกระเทียมสัยลงไปผัดให้หอม ตามด้วยเนยเค็ม หลังจากนั้นตามด้วยข้าวสวยค่ะ ปรุงรสด้วยโชยุและพริกไทยป่นนิดหน่อยเพิ่มความหอม ผัด ๆ คลุก ๆ จนเนยเคลือบเม็ดข้าวจนทั่วและข้าวแห้งขึ้นแล้ว
หลังจากข้าวแห้งและหอมได้ที่แล้วก็ตักขึ้นมาใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยกระเทียมทอดและต้นหอมซอย เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจ เสิร์ฟร้อน ๆ ได้เลยค่ะ
9. ข้าวผัดกากหมู
ถ้าเพื่อน ๆ ชอบทานกากหมูเป็นชีวิตจิตใจแล้วล่ะก็ รับรองว่าคุณต้องชอบเมนูข้าวผัดกากหมูของเราแน่นอน เพราะสูตรของเราจะใช้กากหมูทำเอง เจียวเอง กินเอง ข้าวผัดจะมีความร่วน หอมกลิ่นกากหมูและซีอิ๊วขาวที่ไหม้กระทะดังฉ่า ฉ่า รสชาติอร่อยกลมกล่อมพร้อมมีกากหมูให้เคี้ยวเล่นเพิ่มเท็กเจอร์ เมนูนี้แนะนำให้เจียวน้ำมันหมูเยอะ ๆ ไปเลยค่ะ เพราะนอกจากจะได้ทำข้าวผัดแล้วยังเก็บกากหมูไว้ทานเล่นหรือโรยหน้าก๋วยเตี๋ยวและบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปได้อีก คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม
วัตถุดิบข้าวผัดกากหมู
- มันหมูแข็งเลาะหนัง
- ข้าวสวย
- กระเทียม
- เกลือ
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำเปล่า
วิธีทำข้าวผัดกากหมู
ก่อนนำมันหมูมาประกอบอาหารให้เพื่อน ๆ ขยำมันหมูกับเกลือก่อนค่ะเพื่อเป็นการล้างเอากลิ่นสาบออกให้หมด หลังจากนั้นผึ่งพักไว้ก่อน เสร็จแล้วมาสับกระเทียมรอไว้
ตั้งกระทะ ใส่หมูลงไป เติมน้ำให้พอท่วมหมู ใช้ไฟแรงผัดไปเรื่อย ๆ จนน้ำแห้งและน้ำมันหมูออกมาค่ะ หลังจากนั้นปรับเป็นไฟกลางแล้วทอดต่อจนมันหมูสุกเหลืองและสีเข้มขึ้นตามชอบ ตักขึ้นมาพักไว้ให้สะเด็ดน้ำมันก่อน
ใช้กระทะใบเดิม เทน้ำมันหมูออก เปิดไฟกลางแล้วนำกระเทียมลงไปผัดให้หอม ตามด้วยข้าวสวย ปรุงรสด้วยเกลือและซีอิ๊วขาวเล็กน้อย ผัด ๆ คลุก ๆ ให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ตักข้าวใส่จานแล้วโรยกากหมูปิดท้าย จะเสิร์ฟได้เลยค่ะ
10. ข้าวผัดมันเนื้อ
ปิดท้ายกันด้วยเมนูเอาใจสายเนื้อ พอพูดถึงเนื้อหลายคนอาจจะนึกถึงเนื้อย่างหรือเนื้อเสต๊ก แต่วันนี้พิเศษกว่านั้น เพราะเราจะเอามันเนื้อที่มีความหอม มีความอร่อยเฉพาะตัวเนี่ยมาคลุกเคล้ากับข้าวผัดรสกลมกล่อม กลายมาเป็นข้าวผัดมันเนื้อที่คุณจะต้องติดใจและทำซ้ำบ่อย ๆ แน่นอน ยิ่งได้โปะหน้าด้วยเต็กมีเดียมแรร์อีกสักสี่ห้าชิ้น บอกเลยว่าฟินยิ่งกว่าฟิน
วัตถุดิบข้าวผัดมันเนื้อ
- มันเนื้อวัว
- ข้าวสวย
- หอมแดง
- ต้นหอม
- กระเทียม
- พริกไทย
- เกลือ
- น้ำปลา
วิธีทำข้าวผัดมันเนื้อ
ขั้นตอนแรกต้องเลือกเนื้อกันก่อนค่ะ เนื้อที่เราจะใช้วันนี้เป็นเนื้อวัวติดมัน ถ้าหาเศษมันเนื้อไม่ได้แนะนำให้เลือกซื้อเนื้อสันคอ ริบอาย หรือสันนอกค่ะ หลังจากได้มาแล้วเราก็จัดการแล่เอามันออก ส่วนเนื้อเก็บไว้ก่อน หั่นมันเนื้อเป็นชิ้น ๆ ไม่ต้องใหญ่มากนะคะ เวลาทานจะได้ไม่เลี่ยนจนเกินไป เสร็จแล้วสับกระเทียมและซอยหอมแดงรอไว้
หยิบชินเนื้อออกมาค่ะ ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยทั้งสองด้าน หลังจากนั้นนำไปย่างในกระทะด้านละ 4 – 6 นาทีขึ้นอยู่กับความหนาของชิ้นเนื้อ หลังจากเนื้อสุกทั้งสองด้านแล้วเราจะนำเนื้อลงมาพักไว้ก่อนเพื่อกักเก็บความฉ่ำไว้ข้างใน เวลาทานจะได้ฟิน
ใช้กระทะใบเดิม เปิดไฟกลางค่อนอ่อน นำมันเนื้อลงไปผัดจนสุกและมีน้ำมันออกมา ปรุงรสด้วยเกลือนิดหน่อย นำกระเทียมและหอมแดงลงไปเจียวจนสุกหอม หลังจากนั้นตามด้วยข้าวสวย เร่งไฟกลาง ผัดจนน้ำมันเคลือบข้าวทุกเม็ด ปรุงรสด้วยน้ำปลา, พริกไทย และเกลืออีกนิดหน่อย โรยต้นหอมซอยลงไปอีกนิด คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วตักใส่ถ้วย
นำเนื้อสเต็กที่ทำไว้ก่อนหน้ามาหั่นชิ้นให้สวยงามแล้ววางเรียงลงบนข้าวผัด โรยหย้าด้วยพริกไทยอีกนิด จัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ ยิ่งมีพริกทอดและมะนาวอีกหน่อยจะเข้ากันมาก ๆ
เป็นอย่างไรบ้างคะเพื่อน ๆ กับเมนูข้าวผัดที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ค่ะ แต่ละเมนูนี่อร่อยสวนน้ำลายสอสุด ๆ ใครจะไปนึกใช่ไหมล่ะคะว่าแค่ข้าวผัดธรรมดา ๆ เนี่ยจะสามารถนำมาปรุงได้หลากหลายขนาดนี้ หลังจากดูวัตถุดิบและวิธีทำแล้วแต่ละเมนูนี่ทำไม่ยากเลยใช่ไหมคะเพื่อน ๆ นอกจากเมนูข้าวผัดแล้ว ถ้าเพื่อน ๆ สนใจสูตรเมนูอาหารประเภทอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเมนูอาหารตามสั่ง, เมนูอาหารใต้, เมนูสุดครีเอทจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, เมนูอาหารผู้สูงอายุ หรือสูตรอาหารทะเลอย่าง เมนูจากปลาแซลมอนหรือปลาซาบะ, เมนูจากกุ้ง, เมนูจากปูม้า, เมนูจากปลาหมึก แม้กระทั่งรีวิวข้าวกล่องเซเว่นเราก็มีนะคะเพื่อน ๆ ลองกดเข้าไปดูนะคะ รับรองว่านอกจากเมนูอาหารอร่อย ๆ แล้วเพื่อน ๆ ยังได้สาระความรู้อีกเยอะแยะมากมายเลย ไว้เจอกันใหม่บทความหน้า สวัสดีค่ะ