สวัสดีค่าาาาา กลับมาพบกับบทความแนะนำสูตรอาหารกันอีกแล้ว แต่บทความนี้บอกเลยว่าพิเศษสุด ๆ เพราะเมนูที่เราจะนำมาแชร์นั้นเป็นอาหารจีนล้วน ๆ เลยค่ะ ซึ่งสูตรอาหารจีนที่เรารวบรวมมาแชร์จะเป็นเมนูที่มีชื่อเสียงและเป็นเมนูที่หลายคนอาจจะเคยคุ้นหูคุ้นตากันอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็น เสี่ยวหลงเปา, เป็ดปักกิ่ง หรือไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ หรือจะเป็นเมนูที่หาทานในประเทศไทยได้ยากอย่างเต้าหู้เหม็น, ซงโหยวปิ่ง, ไก่ขอทาน หรือขนมหวานประจำนิยายจีนโบราณอย่างขนมดอกหอมหมื่นลี้ก็มีสูตรมาให้ลองทำตามกันค่ะ บอกเลยว่าอร่อยและทำง่ายสุด ๆ ใครเป็นแฟนซีรีส์หรือนิยายจีนไม่ควรพลาดบทความนี้เลยนะคะ
ทำความรู้จักกับอาหารจีนแต่ละภูมิภาค
ก่อนจะไปดูสูตรอาหารเรามาทำความรู้จักกับภูมิภาคและอาหารจีนกันก่อนดีกว่าค่ะ เนื่องจากประเทศจีนมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและเป็นประเทศที่มีพื้นที่เยอะติดอันดับต้น ๆ ของโลก ดังนั้นจีนจะมีหลากหลายภูมิประเทศหลายวัฒนธรรม หลัก ๆ แล้วอาหารจีนจะแบ่งออกเป็น 8 ภูมิภาคได้แก่
- อาหารซานตง ที่จะเน้นทำอาหารสด มีรสชาติค่อนข้างกลมกล่อม ไม่ปรุงรสชาติมากนักเนื่องจากเครื่องปรุงรสหลัก ๆ ของภูมิภาคนี้มีเพียงเกลือเท่านั้นค่ะ
- อาหารหูหนาน อาหารส่วนใหญ่จะมีความหลากหลาย มีรสชาติค่อนไปทางเผ็ดร้อนและฉ่ำน้ำมัน
- อาหารกวางตุ้ง ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล ไม่ปรุงรสมากนักและเน้นความกรอบเป็นหลัก
- อาหารเจ้อเจียง เน้นอาหารทะเล รสชาติกลมกล่อมไม่จัดจ้าน โชว์รสชาติที่แท้จริงของวัตถุดิบ
- อาการเจียงซู เน้นรสชาติกลมกล่อมแต่เข้มข้นขึ้นเล็กน้อย หวานเค็ม มีความหลากหลายของวัตถุดิบ
- อาหารอันฮุย ภูมิภาคนี้จะเน้นอาหารป่าเป็นหลัก วัตถุดิบยอดนิยมจะเป็นแฮมยูนนาน
- อาหารเสฉวน วัตถุดิบหลักจะเป็นพริกฮวาเจียว อาหารมีความเผ็ดร้อน ซ่า ชาลิ้น
- อาหารฝูเจี้ยนหรือฮกเกี้ยน ภูมิภาคนี้ติดทั้งทะเลและภูเขา มีความหลากหลายของวัตถุดิบ โดดเด่นเรื่องซุปน้ำใสต่าง ๆ
1. เต้าหู้เหม็นทอด
เริ่มต้นกันด้วยเมนูที่มีกลิ่นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างเต้าหู้เหม็นทอด เมนูนี้เป็นสตรีทฟู้ดที่หาทานได้ทั่วไปในประเทศจีน โดยเฉพาะในเมืองเจิงเหมิน มณฑลหูเป่ย์นี่ถือว่าเป็นสูตรออริจินอลและเป็นเมนูประจำเมืองเลยล่ะค่ะ ในส่วนของกลิ่นหลายคนก็น่าจะพอเดาได้ว่าค่อนข้างที่จะเหม็นฉุนและรุนแรงจากเชื้อราที่ใช้หมักเต้าหู้ ถึงกลิ่นจะรุนแรงไปหน่อยแต่เมนูนี้เต็มไปด้วยจะโยชน์ต่อสุขภาพ ส่วนรสชาติก็เหมือนเต้าหู้ทอดธรรมดาทั่วไป ไม่ได้แย่มากนักค่ะ
วัตถุดิบเต้าหู้เหม็นทอด
- เต้าหู้แข็ง
- ผงหมักเต้าหู้
- น้ำมันพืช
วัตถุดิบน้ำจิ้มเต้าหู้ทอด
- กระเทียม
- พริกดองหรือพริกแดงสับหยาบ
- น้ำตาลมะพร้าว
- เกลือ
- น้ำมะขามเปียก
วิธีทำเต้าหู้เหม็นทอด
ขั้นตอนที่ 1 : หั่นเต้าหู้เป็นชิ้นเต๋าขนาดเท่า ๆ กันแล้วนำไปลวกน้ำเดือดประมาณ 1 นาทีเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนค่ะ จากนั้นนำขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำและแห้ง โรยผงเชื้อราหมักเต้าหู้ให้ทั่วแล้วเรียงลงในภาชนะที่มีรูระบายอากาศและมีฝาปิด คลุมทับด้วยผ้าขาวบางอีกครั้งให้มิด หมักไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 2 – 3 วันจนเชื้อราขึ้นทั่วทั้งก้อน
ขั้นตอนที่ 2 : มาทำน้ำจิ้มเตรียมไว้ก่อนดีกว่าค่ะ เริ่มจากผสมน้ำตาล, เกลือ และน้ำมะขามเปียกให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งเตาจนเดือด จากนั้นตามด้วยพริกและกระเทียม คนให้เข้ากันแล้วรอจนน้ำจิ้มเดือดอีกครั้ง ยกลงพักให้หายร้อน เสร็จแล้วตั้งน้ำมันให้ร้อนแล้วนำเต้าหู้ลงทอดจนสุกกรอบ ตักขึ้นเสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มที่ทำไว้ก่อนหน้าได้เลยค่ะ
2. ซงโหยวปิ่ง (แพนเค้กต้นหอม)
ซงโหยวปิ่งหรือแพนเค้กต้นหอมจีน (เอาจริง ๆ หน้าตาเหมือนโรตีมากกว่านะคะ ฮ่า ๆ) เมนูนี้เป็นอาหารว่างหรือขนมทานเล่นที่หาทานได้ทั่วไปเช่นเดียวกันค่ะ ตัวแพนเค้กจะมีทั้งหนาและบาง ค่อนข้างที่จะมีความกรอบนอกนุ่มใน ได้กลิ่นต้นหอมอ่อน ๆ และรสชาติเค็มเบา ๆ จากเกลือและรสหวานธรรมชาติของแป้ง สามารถทานเปล่า ๆ หรือทานพร้อมน้ำจิ้มชนิดต่าง ๆ ก็อร่อยเข้ากันค่ะ เป็นเมนูที่ทำง่ายและน่าจะอร่อยถูกปากคนไทย
วัตถุดิบซงโหยวปิ่ง
- ไข่ไก่
- ต้นหอม
- แป้งอเนกประสงค์
- เกลือ
- น้ำเปล่า
- น้ำมันพืช
วิธีทำซงโหยวปิ่ง
ขั้นตอนที่ 1 : ล้างต้นหอมให้สะอาดแล้วซับน้ำจนแห้งเลยค่ะ จากนั้นนำต้นหอมมาซอยเป็นชิ้นไม่ต้องละเอียดมากนัก นำมาตีผสมกับไข่ไก่ให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ เทแป้งและน้ำลงผสมทีละน้อยจนเข้ากันและได้เนื้อแป้งที่มีลักษณะคล้ายก้อนแป้งโรตี พักแป้งไว้ประมาณ 20 นาที
ขั้นตอนที่ 2 : ผสมแป้งอเนกประสงค์, เกลือ และน้ำมันพืชอุ่น ๆ ให้เข้ากันแล้ว จากนั้นนำก้อนแป้งที่พักไว้มานวดอีกครั้งจนนุ่มแล้วแบ่งเป็นก้อนขนาดตามชอบ แผ่ก้อนแป้งให้บางลงแล้วทาด้วยน้ำมันที่ทำไว้ก่อนหน้าบาง ๆ จนทั่ว พับทบไปมาจนแป้งนิ่มขึ้นแล้วใช้ไม้นวดแป้งหรือมือแผ่ก้อนแป้งให้แบนเหมือนโรตี นำไปทอดด้วยกระทะก้นแบน ใช้ไฟกลาง ทอดจนแป้งสุกกรอบทั้ง 2 ด้านแล้วนำมาพักให้หายร้อนเล็กน้อย ใช้มือตบให้แป้งฟูขึ้นแล้วหั่นชิ้นจัดเสิร์ฟ
3. ไก่ผัดพริกเสฉวน (ไก่ฉงชิ่ง)
หลายคนน่าจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าเสฉวนเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความเผ็ดร้อน และวัตถุดิบเด่น ๆ ของเมืองนี้ก็คือพริกฮวาเจียวที่มักจะผสมอยู่ในปิ้งย่างหม่าหล่าหรือหม่าล่าหม้อไฟ และเมนูไก่ฉงชิ่งก็เป็นอีกเมนูหนึ่งที่สะท้อนความเป็นเสฉวนได้เป็นอย่างดี เพราะจานนี้แทบจะไม่มีอะไรเลยนอกจากเนื้อไก่และพริกแบบจัดเต็ม แต่ถึงจะมีส่วนประกอบหลักแค่สองอย่างแต่รสชาติกลับอร่อยทานเพลินสุด ๆ ไก่จะมีความกรอบนอกนุ่มใน มีรสชาติเผ็ดเค็มจากพริกและได้กลิ่นหอมเบา ๆ จากขิงค่ะ
วัตถุดิบไก่ผัดพริกเสฉวน
- เนื้อไก่
- ต้นหอม
- ขิงแก่
- พริกแห้งเม็ดใหญ่
- พริกขี้หนูแห้ง
- พริกฮวาเจียว
- ถั่วลิสง
- แป้งข้าวโพด
- เกลือ
- น้ำตาล
- พริกไทย
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำมันงา
- เหล้าจีน
- น้ำมันพืช
วิธีทำไก่ผัดพริกเสฉวน
ขั้นตอนที่ 1 : หั่นเนื้อไก่เตรียมไว้ก่อนเลยค่ะ สำหรับไก่แนะนำให้เลือกใช้เนื้อล้วนอย่างสะโพกหรือน่องไก่นะคะ นำมาหั่นเป็นชิ้นพอดีคำขนาดเท่า ๆ กัน หมักเกลือ, พริกไทย และเหล้าจีนเพิ่มรสชาติ คลุกแป้งข้าวโพดบาง ๆ ให้ทั่วแล้วหมักทิ้งไว้ 10 – 15 นาทีก่อนนำมาทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นสะเด็ดน้ำมันพักไว้
ขั้นตอนที่ 2 : หันมาซอยต้นหอมไม่ต้องละเอียดมากและหั่นขิงเป็นแผ่นบาง ๆ เตรียมไว้ ส่วนพริกแห้งเม็ดใหญ่นำมาหั่นขวางเป็นชิ้นใหญ่พอประมาณ ส่วนพริกแห้งเม็ดเล้กเราจะเด็ดเอาขั้วออกแล้วใช้ทั้งเม็ดเลยค่ะ เสร็จแล้วใช้กระทะใบเดิม เทน้ำมันออกให้เหลือติดก้นกระทะนิดหน่อยแล้วนำขิงลงผัดไฟกลางจนสุกหอม ปรับเป็นไฟอ่อนแล้วนำพริกทั้งหมด ตามด้วยเนื้อไก่และถั่วลิสง ปรุงรสด้วยน้ำตาล, ซีอิ๊วขาว และน้ำมันงา คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วปิดท้ายด้วยต้นหอมซอย ตักเสิร์ฟได้เลยจ้า
4. เป็ดปักกิ่ง
มาที่เมนูประจำเมืองจีนอย่างเป็ดปักกิ่งกันบ้างค่ะ ใครไปเยือนเมืองจีนแล้วไม่ได้ทานเป็ดปักกิ่งนี่ถือว่ายังไปไม่ถึงประเทศจีนนะคะ จุดเด่นของเมนูนี้จะอยู่ที่หนังเป็ดย่างบางกรอบ ไขมันต่ำ ไม่มีเนื้อเป็ด ห่อหุ้มด้วยแป้งที่มีความบางและนุ่ม ทานพร้อมผักและน้ำราดที่มีรสชาติหวานเค็มและมีกลิ่นหอมอร่อยลงตัว ใครอยากลองทำสูตรนี้ทานเองที่บ้านสามารถตามไปจดสูตรกันได้ที่บทความ เมนูจากเป็ด : เป็ดปักกิ่ง ได้เลยจ่ะ
5. เสี่ยวหลงเปา
ไปทัวร์เซี่ยงไฮ้กันบ้าง เมนูยอดฮิตของเซี่ยงไฮ้เราคงต้องยกให้กับเสี่ยวหลงเปา เมนูที่อยู่ในสำรับติ่มซำวังหลวงมาอย่างยาวนาน สำหรับเมนูนี้หลายคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่ามีรสชาติอร่อยและมีลักษณะแตกต่างจากซาลาเปาทั่ว ๆ ไป นั่นคือแป้งซาลาเปาจะบางและนุ่มคล้ายแผ่นเกี๊ยว ด้านในสอดไส้หมูหรือไก่ปรุงรส จุดเด่นอยู่ที่น้ำซุปรสชาติอร่อยกลมกล่อมที่ซ่อนอยู่ด้านใน ทานพร้อมน้ำจิ้มจิ๊กโฉ่วรสเปรี้ยหวานเข้ากันลงตัวพอดีค่ะ
วัตถุดิบแป้งเสี่ยวหลงเปา
- แป้งขนมปัง
- แป้งสาลีอเนกประสงค์
- น้ำอุ่น
- น้ำมันพืช
วัตถุดิบไส้เสี่ยวหลงเปา
- หมูสับ
- ต้นหอม
- ขิงอ่อน
- พริกไทย
- เกลือ
- น้ำตาล
- ซอสหอยนางรม
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำมันงา
- เหล้าจีน
วัตถุดิบน้ำซุปหมู
- กระดูกหมู
- โครงไก่
- หนังหมู
- ขิงแก่
- ต้นหอม
- เจลาตินผง
- เหล้าจีน
- น้ำเย็น
วิธีทำเสี่ยวหลงเปา
ขั้นตอนที่ 1 : เริ่มต้นที่หัวใจหลักของเสี่ยวหลงเปาอย่างน้ำซุปกันก่อนค่ะ นำโครงไก่, กระดูกหมู และหนังหมูมาล้างให้สะอาด จากนั้นต้มน้ำให้เดือดแล้วนำทั้งหมดลงต้มเพื่อล้างเอาเลือดที่อยู่ในกระดูกออกเพื่อทำให้น้ำซุปใส ไม่มีกลิ่นเลือด นำออกมาล้างน้ำเปล่าให้สะอาดและหั่นหนังหมูเป็นชิ้นเล็กพักไว้ ส่วนน้ำที่ใช้ลวกเราจะทิ้งไปก่อนค่ะ
ขั้นตอนที่ 2 : นำน้ำมันพืชขึ้นตั้งไฟแรงจนร้อนจัดแล้วนำมาราดเครื่องต้มให้ทั่ว จากนั้นนำขิงและต้นหอมลงผัดให้ส่งกลิ่นหอมและพอสุก ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นตั้งหม้อใส่น้ำ ใส่ต้นหอมและขิงที่ทอดไว้ลงไปตามด้วยเกลือและเหล้าจีน เปิดไฟกลางค่อนแรงจนน้ำเดือดได้ที่แล้วนำโครงไก่, กระดูกหมู และหนังหมูลงต้ม ปรับเป็นไฟอ่อนแล้วเคี่ยวจนสุกเปื่อยและน้ำงวดลง อย่าลืมหมั่นตักฟองและไขมันออกด้วยนะคะ
ขั้นตอนที่ 3 : ระหว่างรอน้ำซุปเรามาทำไส้ซาลาเปาไปพร้อม ๆ กันค่ะ เราจะผสมหมูสับ, ซอสหอยนางรม, ซีอิ๊วขาว, เหล้าจีน, น้ำมันงา, เกลือ, พริกไทย และน้ำตาลให้เข้ากัน จากนั้นขูดขิงและซอยต้นหอมลงผสมกัน นวดให้เนื้อเหนียวขึ้นแล้วหมักทิ้งไว้ในตู้เย็นค่ะ กลับมาที่น้ำซุปกันบ้าง เนื้อสัตว์เปื่อยและได้น้ำซุปสีทองอ่อน ๆ แล้วแช่เจลาตินในน้ำเย็นจนพองตัว กรองน้ำซุปเอาเฉพาะน้ำใส ๆ แล้วนำเจลาตินลงผสมให้เข้ากันดี เทใส่ภาชนะก้นแบนแล้วแช่เย็นจนเซตตัว
ขั้นตอนที่ 4 : มาทำแป้งซาลาเปารอซุปเซตตัวกันดีกว่าค่ะ เริ่มจากผสมแป้งขนมปังและแป้งสาลีให้เข้ากัน จากนั้นค่อย ๆ เติมน้ำอุ่นลงไปทีละน้อยแล้วนวดจนได้ก้อนแป้งก่อน จากนั้นค่อย ๆ เติมน้ำมันพืชตามลงไปจนเนื้อแป้งเนียนนุ่มและไม่ติดมือ พักแป้งไว้ 15 – 20 นาทีก่อนนำมาแบ่งเป็นก้อนกลมขนาดกลาง ๆ ใช้ผ้าขาวบางคลุมก้อนแป้งไว้
ขั้นตอนที่ 5 : โรงแป้งอเนกประสงค์ลงบนโต๊ะและหยิบก้อนแป้งมารีดให้เป็นแผ่นกลมบาง ตักไส้ที่หมักไว้ก่อนหน้าวางตรกลาง หยิบน้ำซุปที่เซตตัวแล้วมาหั่นแบ่งเป็นก้อนขนาดตามชอบแล้ววางบนไส้ซาลาเปา ใช้มือห่อและจับจีบซาลาเปาเป็นรูปทรงตามชอบ จัดเรียงลงในหม้อนึ่งที่ต้มน้ำไว้จนเดือด ใช้เวลานึ่งซาลาเปาประมาณ 10 – 15 นาทีหรือจนแป้งและไส้สุกขึ้นอยู่กับขนาดของซาลาเปา สุกดีแล้วยกลงเสิร์ฟทันทีค่ะ
6. บะกุ๊ดเต๋
พูดถึงอาหารจีนจะพลาดเมนูยอดฮิตอย่างบะกุ๊ดเต๋ก็คงไม่ได้ เมนูนี้มาจากเมืองฝูเจี้ยนหรือที่เราเรียกว่าฮกเกี้ยนและรับความนิยมไปทั่วโลก เป็นอีกหนึ่งเมนูที่อุดมไปด้วยสมุนไพรจีนที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดดเด่นด้วยน้ำซุปหอมกลิ่นเครื่องยาจีน มีรสชาติเผ็ดหวานกลมกล่อมจากซุปกระดูกหมูและเครื่องที่ใส่ ส่วนซี่โครงหมูก็เนื้อนุ่มเปื่อยจนแทบไม่ต้องออกแรงเคี้ยว ทานพร้อมข้าวสวยหรือจะซดร้อน ๆ วันที่อากาศเย็นสบายก็อร่อยถูกใจค่ะ หากเพื่อน ๆ สนใจสามารถตามไปจดสูตรได้ที่ เมนูจากกระดูกหมู : บะกุ๊ดเต๋
7. ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน
ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานเป็นอาหารเสฉวนไม่กี่ชนิดที่ไม่มีรสชาติเผ็ดร้อนจนชาปาก เมนูนี้จะได้รสชาติเปรี้ยวหวานกลมกล่อมจากสับปะรด, ซอสมะเขือเทศ และน้ำส้มสายชู ตัวพริกหยวกและหอมใหญ่กรอบนุ่มกำลังดีและมีรสชาติหวานในตัว ส่วนซี่โครงหมูจะมีความกรอบนอกนุ่มในและมีรสชาติไม่เหนียวมากจนเกินไปค่ะ รวม ๆ แล้วรสชาติจะมีความกลมกล่อมไม่จัดจ้านมากนัก จะทานเล่นหรือทานกับข้าวก็เหมาะ
วัตถุดิบซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน
- ซี่โครงหมู
- พริกหยวกสามสี
- หอมใหญ่
- สับปะรด
- กระเทียม
- ขิง
- แป้งข้าวโพด
- แป้งทอดกรอบ
- ซอสมะเขือเทศ
- ซีอิ๊วขาว
- เหล้าจีน
- น้ำส้มสายชู
- น้ำมันพืช
- น้ำเปล่า
วิธีทำซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวาน
ขั้นตอนที่ 1 : ล้างทำความสะอาดและหั่นซี่โครงหมูเป็นชิ้นขนาดพอดีคำก่อนเลยค่ะ จะใช้ซี่โครงหมูหรือกระดูกอ่อนก็อร่อยเคี้ยวกรุบดีนะคะ จากนั้นนำซี่โครงมาลวกเอาเลือดออก ซับน้ำให้แห้ง หมักด้วยซี่อิ๊วขาวและเหล้าจีนเล็กน้อยก่อนคลุกแป้งทอดกรอบ นำไปทอดจนซี่โครงสุกกรอบ ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน จากนั้นหันมาหั่นพริกสามสี, หอมใหญ่ และสับปะรดเป็นชิ้นขนาดเท่า ๆ กัน ส่วนกระเทียมและขิงเราจะสับหยาบ
ขั้นตอนที่ 2 : ผสมซอสมะเขือเทศ, ซีอิ๊วขาว และน้ำส้มสายชูให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าและแป้งข้าวโพดตามลงไปจนซอสไม่ข้นหรือเหลวมากจนเกินไป หยิบกระทะใบเดิมขึ้นมาผัดขิงและกระเทียมให้สุกหอม นำผักทั้งหมดที่เตรียมไว้ลงผัดจนเริ่มสลดแล้วตามด้วยซอสเปรี้ยวหวาน ผัดจนซอสสุกและเริ่มเหนียวเราจะปิดท้ายด้วยซี่โครงที่ทอดไว้ก่อนหน้า ผัด ๆ คลุก ๆ ให้พอเข้ากันก็ตักเสิร์ฟได้เลยค่ะ
8. ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
มาที่อีกหนึ่งเมนูโต๊ะจีนยอดนิยม ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นเมนูรองท้องหรือเมนูทานเล่นที่หลายคนชื่นชอบค่ะ เมนูนี้จะมีความกรอบนอกนุ่มในของเนื้อไก่ที่ทอดมาแบบสุกกำลังดี ได้รสชาติมัน ๆ ของเม็ดมะม่วงหิมพานต์กรุบกรอบ รวมถึงได้ประโยชน์จากผักอีกหลายชนิด เป็นเมนูที่มีรสชาติอร่อยกำลังดีและไม่จัดจ้าน ทานได้เพลิน ๆ ใครสนใจสามารถดูสูตรได้ที่ เมนูจากไก่ : ไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์
9. ไก่ขอทาน
ไก่ขอทาน เมนูที่ชื่อดูไม่น่าทานสักเท่าไหร่แต่กลับได้เป็นเมนูโปรดของจักรพรรดิจีนเลยค่ะ ไก่ขอทานเป็นเมนูไก่ทั้งตัวที่อบด้วยโคลน ซิกเนเจอร์ของเมนูนี้จะอยู่ที่การใช้ค้อนตีโคลนที่พอกไว้ด้านนอกให้แตกก่อนรับประทาน เนื้อไก่ด้านในจะมีกลิ่นหอม เนื้อเปื่อยนุ่ม ไก่มีรสชาติหวานธรรมชาติ หอมกลิ่นเครื่องที่สอดไส้ไว้ด้านใน เป็นเมนูที่ใครทานก็ติดใจค่ะ
วัตถุดิบไก่ขอทาน
- ไก่ทั้งตัว
- ผงพะโล้
- ซีอิ๊วดำหวาน
- เกลือ
- เหล้าจีน
- ใบบอนหรือใบบัว
- แป้งอเนกประสงค์หรือดินเหนียว
- น้ำเปล่า
วัตถุดิบไส้ด้านใน
- กุนเชียง
- ต้นหอม
- เห็ดหอมแห้งแช่น้ำ
- เผือก
- แปะก๊วย
- ขิง
- อบเชย
- โปยกั๊ก
- ซอสหอยนางรม
- น้ำตาล
- น้ำมันงา
- เหล้าจีน
- น้ำมันพืช
วิธีทำไก่ขอทาน
ขั้นตอนที่ 1 : หมักไก่กันก่อนค่ะ ล้างทำความสะอาดไก่ให้ทั่วทั้งตัว ซับน้ำให้แห้ง จากนั้นผสมเหล้าจนและเกลือเข้าด้วยกันแล้วนำมานวดจนซึมเข้าเนื้อไก่ เสร็จแล้วหันมาหั่นกุนเชียง, เห็ดหอม และเผือกเป็นชิ้นเต๋าขนาดเท่า ๆ กัน นำไปผัดจนสุกหอมแล้วตามด้วยต้นหอม, แปะก๊วย, อบเชย และโปยกั๊ก ปรุงรสด้วยน้ำตาล, ซอสหอยนางรม, น้ำมันงา และเหล้าจีนเล็กน้อย ผัดจนส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันแล้วยกลง
ขั้นตอนที่ 2 : นำเครื่องผัดทั้งหมดยัดลงในตัวไก่ที่หมักทิ้งไว้ ผสมผงพะโล้กับซีอิ๊วดำหวานให้เข้ากันแล้วนำมาทาให้ทั่วตัวไก่ นำใบบัวหรือใบบอนมาห่อตัวไก่ให้มิด หากใครใช้ใบบอนต้องใช้ใบบอนที่สามารถนำมารับประทานได้นะคะ
ขั้นตอนที่ 3 : มาถึงจุดที่ต้องเลือกแล้วค่ะ สูตรออริจินัลจะห่อไก่ด้วยโคลนชั้นหนา ๆ หากใครใช้วิธีนี้แนะนำให้ใช้โคลนละเอียดที่แน่ใจว่าสะอาดจริง ๆ นะคะ นำมาผสมน้ำให้เนื้อพอปั้นได้แล้วพอกให้ทั่วตัวไก่เลยค่ะ หนือใครไม่สะดวกใช้ดินเหนียวก็สามารถนำแป้งสาลีอเนกประสงค์มาผสมกับน้ำให้เป็นก้อนแล้วนำมาพอกไก่จนทั่ว พอกหนาหน่อยนะคะ จากนั้นนำไปอบด้วยหม้ออบลมร้อนหรือเตาอบไฟฟ้าจนสุก นำออกมาเสิร์ฟทั้งก้อนเลยค่ะ
10. มะเขือเทศผัดไข่
มะเขือเทศผัดไข่เป็นเมนูง่าย ๆ ที่เราอยากให้ทุกคนลองทานดูค่ะ เมนูนี้มีวัตถุดิบหลักเพียงแค่ 2 ชนิดคือมะเขือเทศและไข่ ไข่จะมีความนุ่ม ไม่แข็งกระด้างมากจนเกินไป เข้ากับมะเขือเทศที่มีรสชาติเปรี้ยวหวานลงตัวพอดิบพอดีดีค่ะ เมนูนี้ค่อนข้างที่จะมีรสชาติอร่อยกลมกล่อม ทานกับข้าวญี่ปุ่นหรือข้าวสวยร้อน ๆ บอกเลยว่าเพลินสุด ๆ ใครอยากลองชิมรสชาติก็สามารถตามไปดูสูตรและวิธีทำได้ที่ เมนูจากมะเขือเทศ : มะเขือเทศผัดไข่
11. บ๊ะจ่าง
บ๊ะจ่างเป็นอาหารจีนที่เรารู้จักและคุ้นเคยกันมานานมากแล้วค่ะ เอกลักษณ์ของเมนูนี้อยู่ที่ข้าวเหนียวผัดธัญพืชที่มีรสชาติกลมกล่อม ไม่เค็มหรือหวานมากจนเกินไป มาพร้อมไข่แดงเค็มมัน ๆ และหมูหมักเนื้อนุ่ม ทั้งหมดถูกห่อด้วยใบไผ่สายพันธุ์พิเศษที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ นำไปนุ่งจนสุกหอมก่อนนำมารับประทาน สามารถพกติดตัวไปทานได้ทุกที่ทุกเวลา หากคุณไปประเทศจีนและอยากทานบ๊ะจ่างสูตรต้นตำรับเราแนะนำให้มุ่งหน้าไปเจียงชิงเลยค่ะ ส่วนใครไม่มีเวลามากนักก็สามารถไปดูวัตถุดิบและวิธีทำเมนูนี้ได้ที่ เมนูจากข้าวเหนียว : บ๊ะจ่าง
12. ขนมกุ้ยฮัว
ขนมกุ้ยฮัว ขนมกุ้ยฮวา หรือขนมหอมหมื่นลี้เป็นขนมจีนโบราณที่ปรากฏอยู่ในนิยายและซีรีส์จีนแทบทุกเรื่องเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสามชาติสามภพหรือรักนิรันด์ ราชันมังกร เมนูนี้มีส่วนผสมหลักคือดอกหอมหมื่นลี้ที่เป็นสมุนไพรจีน มีกลิ่นหอมและมีสรรพคุณทางยามากมายค่ะ จริง ๆ แล้วดอกหอมหมื่นลี้สามารถนำมาแปรรูปเป็นอาหารได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นวุ้นกุ้ยฮัว, ชาดอกกุ้ยฮัว หรือขนมเค้กกุ้ยฮัวที่มีลัษณะคล้ายขนมโก๋
วัตถุดิบขนมกุ้ยฮัว
- ถั่วเชียวซีก
- น้ำเชื่อมดอกกุ้ยฮวา
- น้ำตาล
- น้ำมันรำข้าว
วิธีทำขนมกุ้ยฮัว
ขั้นตอนที่ 1 : นำถั่วเขียวมาล้างจนน้ำใสแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ประมาณ 2 – 4 ชั่วโมงจนถั่วเขียวพองตัวนิ่มก่อนค่ะ จากนั้นนำมานึ่งจนถั่วเขียวสุกเปื่อย นำถั่วเขียวที่ได้ไปปั่นหรือบดให้ละเอียด นำถั่วมาผัดด้วยไฟอ่อนจนเริ่มเกาะตัวติดกัน แนะนำให้ใช้กระทะเทฟล่อนนะคะถั่วจะได้ไม่ติดกระทะ
ขั้นตอนที่ 2 : ถั่วเริ่มสุกเนียนแล้วใส่น้ำมันลงไปพอประมาณ เพิ่มความหวานด้วยน้ำตาล ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างกลับมาเนียนเป็นนื้อเดียวกันอีกครั้ง เทน้ำเชื่อมกุ้ยฮัวลงไปพอประมาณแล้วผัดต่อจนถั่วเริ่มร่อนไม่ติดกระทะ ยกลงพักให้พออุ่นแล้วปั้นเป็นก้อนขนาดตามต้องการ จะสอดไส้สับปะรดกวนหรือถั่วแดงกวนก็ได้นะคะ นำมาอัดลงในพิมพ์แล้วกดให้ก้อนขนมออกมามีลวดลายสวยงาม พักให้หายร้อนก่อนจัดเสิร์ฟ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับสูตรอาหารจีนทั้ง 12 เมนูที่เรานำมาแชร์ในบทความนี้ อาหารจีนหลาย ๆ เมนูมักจะเป็นเมนูที่อยู่ในรับรับอาหารราชวงศ์ บางเมนูชื่ออาจจะดูอลังการแต่วิธีการทำกลับไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ อย่างขนมจีนโบราณอย่างขนมกุ้ยฮัวเป็นของว่างที่ทำง่ายและใช้เวลาไม่นาน หรือจะเป็นไก่ฉงชิ่งก็มีรสชาติอร่อยและทำตามได้ไม่ยาก รวมไปถึงปัจจุบันวัตถุดิบต่าง ๆ ก็หาซื้อง่ายทั้งร้านสมุนไพรจีนโบราณหรือผ่านแอปฯ ช้อปปิ้งออนไลน์ค่ะ