10 เมนูแกงจืด ทำง่าย อร่อยแบบคลีนๆ สำหรับคนรักสุขภาพ

แกงจืดหรือต้มจืด (สามารถเรียกได้ทั้งสองอย่าง) ถือเป็นเมนูอาหารคู่ครัวไทยมานานแสนนาน เพราะไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นไหนวัยไหนก็สามารถทานได้ตลอดทุกช่วงอายุ ตั้งแต่เด็กน้อยตัวเล็ก ๆ ไปจนถึงผู้สูงอายุ หากเราจะกล่าวว่าแกงจืดเป็นเมนูที่ “เด็กทานได้ ผู้ใหญ่ทานดี” ก็คงไม่ถือว่าผิดอะไร เพราะด้วยรสชาติที่อร่อยแถมมีประโยชน์มากมาย ตามมาด้วยรสหวานจากผักที่ใส่เข้าไป บวกกับความนัวและความหอมอร่อยของเนื้อสัตว์ก็ยิ่งเพิ่มรสชาติให้อร่อยมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นแกงจืดจึงกลายเป็นเมนูโปรดยอดนิยมของใครหลาย ๆ คน แถมยังเป็นเมนูที่ทานง่าย ทำง่าย หาซื้อก็ยังง่ายอีก จะใส่เนื้อสัตว์หรือผักอะไรลงไปก็ได้ เพราะไม่มีกฎตายตัวอีกด้วย เรียกว่าเป็นไอเดียเมนูจากผักหรือเมนูราคาประหยัดของเหลือในตู้เย็นก็ยังได้ค่ะ

ซึ่งเดิมทีนั้นเชื่อกันว่าแกงจืดได้รับอิทธิพลมาจากชาวจีน ที่เป็นการต้มน้ำซุปร้อน ๆ และใส่เครื่องเทศสมุนไพรเพื่อสุขภาพเพื่อเพิ่มความหอมให้น่ารับประทาน ดังนั้นแกงจืดจึงจัดเป็นอาหารที่มีประโยชน์ ดีต่อสุขภาพ อีกทั้งยังมีสารอาหารที่ครบถ้วนนั่นเองค่ะ ใครที่เป็นสายอาหารคลีนลดน้ำหนักจะต้องไม่พลาดบทความในวันนี้แล้วนะคะ

สูตรเมนูแกงจืด

หากพูดถึงแกงจืด เมนูยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้น แกงจืดเต้าหู้หมูสับใช่ไหมล่ะคะ? เพราะเมนูนี้ใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่าย เช่น ผักกาดขาว เต้าหู้ไข่ หมูสับ แต่จริง ๆ แล้ว เมนูแกงจืดนั้น สามารถนำมาประยุกต์ได้หลากหลายเมนูเลยค่ะ สำหรับวันนี้เราได้นำเสนอสูตรแกงจืดร้อน ๆ ทำตามง่าย ให้ทุกท่านได้ลองทำตามกันด้วยค่ะ จะมีเมนูไหนบ้างมาดูกันเลย

1. แกงจืดตำลึงเลือดหมู

เมนูนี้ทำง่ายมาก เพราะใช้วัตถุดิบเพียงแค่ไม่กี่อย่าง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเด็ก ๆ วัยกำลังโต อร่อย ทานง่าย แถมใบตำลึงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันโลหิตจาง บำรุงเลือด และสามารถดับพิษร้อนได้อีกด้วยค่ะ

วัตถุดิบแกงจืดตำลึงเลือดหมู

  • เลือดหมู
  • ใบตำลึง
  • กระเทียม
  • ซอสปรุงรส
  • เกลือป่น
  • ผงปรุงรส
  • กระเทียมเจียว (สำหรับโรยหน้า)

วิธีทำแกงจืดตำลึงเลือดหมู

ขั้นตอนแรกนะคะ เราจะเด็ดใบตำลึงแล้วนำมาล้างน้ำให้สะอาด ขอเเนะนำว่าต้องเป็นยอดอ่อนตำลึงนะคะ เพราะหากใช้ใบแก่เนี่ย จะทำให้แกงจืดของเรามีรสขมได้ค่ะ จากนั้นตั้งน้ำ ใส่ผงปรุงรส กระเทียบทุบหยาบ และเกลือลงไป พอน้ำเดือดใส่เลือดหมูหั่นเป็นลูกเต๋าขนาดตามใจชอบ จากนั้นตามด้วยซอสปรุงรส ชิมรสตามชอบ รอให้น้ำเดือดอีกครั้งแล้วใส่ใบตำลึงลงไป คนอย่างเบามือ พอใบตำลึงสลดแล้วรีบปิดแก๊ส ยกลงจากเตา จากนั้นโรยกระเทียมเจียว เป็นอันเสร็จเรียบร้อย พร้อมทานได้แล้วค่ะ


2. แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ

เมนูสุขภาพอีกหนึ่งเมนูค่ะ แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ เพราะมะระนั้นช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรค ช่วยให้เจริญอาหาร ช่วยบำรุงสายตา และสารเบตาแคโรทีนในมะระเนี่ยยังช่วยทำลายสารก่อมะเร็งในร่างกายอีกด้วยนะคะ เราไปดูวิธีทำกันเลย

วัตถุดิบแกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ

  • หมูสับ
  • มะระ
  • ผักชี (สำหรับโรยหน้า)
  • กระเทียม
  • พริกไทยดำ
  • รากผักชี
  • ซอสปรุงรส
  • น้ำตาลทราย
  • เกลือป่น
  • ผงปรุงรส

วิธีทำแกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ

เริ่มจากการหมักหมูนะคะ นำกระเทียม พริกไทยดำ รากผักชี มาโขลกให้ละเอียด จากนั้นนำมาคลุกเคล้ากับหมูบดให้เข้าเนื้อแล้วพักไว้ จากนั้นล้างทำความสะอาดมะระให้เรียบร้อย นำมาหั่นท่อนประมาณ 3 นิ้ว เสร็จแล้วใช้ข้อนขูดไส้ของมะระออกให้เกลี้ยง จากนั้นนำเกลือมาถูที่ผิวมะระทั้งนอกและในให้ทั่ว แล้วนำไปล้างผ่านน้ำอีก 1 รอบ (การนำเกลือมาถู จะช่วยลดความขมเมื่อนำมาต้มได้ค่ะ) จากนั้นนำหมูที่หมักไว้ยัดไส้ใส่ในมะระได้เลยค่ะ

ขั้นตอนการต้มนะคะ ตั้งน้ำให้เดือด ใส่เกลือ กระเทียมทุบหยาบ ผงปรุงรส รอให้น้ำเดือดจัด นำมะระที่เตรียมไว้ใส่ลงไปได้เลยค่ะ จากนั้นปรุงรสด้วยซอสปรุงรสและน้ำตาลทรายตามชอบ ระหว่างนี้หมั่นช้อนฟองออกเรื่อย ๆ ด้วยนะคะ เพื่อให้น้ำซุปใส น่าทาน พอมะระและหมูสุกแล้วก็ตักใส่ถ้วย โรยด้วยผักชี พร้อมเสิร์ฟค่ะ


3. แกงจืดหัวไชเท้ากระดูกหมู

เมนูจากหัวไชเท้านี้เชื่อว่าทุกบ้านต้องเคยทำแน่นอนค่ะ กระดูกหมูอ่อนนุ่ม ๆ ทานคู่กับหัวไชเท้าหวาน ๆ เป็นอะไรที่เข้ากันสุด ๆ ไปเลยค่ะ หัวไชเท้านอกจากจะหวานอร่อยแล้ว ยังช่วยลดน้ำหนัก ลดริ้วรอย และขับสารพิษได้ดีด้วยค่ะ อย่ารอช้า ไปดูวิธีทำกันเลยค่ะ

วัตถุดิบแกงจืดหัวไชเท้ากระดูกหมู

  • กระดูกหมูอ่อน
  • หัวไชเท้า
  • แครอท
  • ขึ้นฉ่าย
  • รากผักชี
  • กระเทียม
  • พริกไทยป่น
  • น้ำตาลทราย
  • ซอสปรุงรส
  • เกลือป่น

วิธีทำแกงจืดหัวไชเท้ากระดูกหมู

ล้างกระดูกหมูให้สะอาด (หากใครกลัวคาว สามารถนำมาขยำกับเกลือแล้วล้างได้ค่ะ) ต่อมาหั่นหัวไชเท้า และแครอทเป็นแว่น ๆ ขนาดพอดีคำ จากนั้นตั้งน้ำ พอน้ำเริ่มเดือดใส่ กระเทียม รากผักชี และเกลือป่นลงไป รอจนน้ำเดือดจัด ค่อย ๆ ใส่กระดูกหมู (ขั้นตอนนี้ห้ามคนนะคะ เพราะจะทำให้น้ำซุปคาวค่ะ) จากนั้นหรี่ไฟอ่อน แล้วตุ๋นต่อจนกระดูกหมูเปื่อย แล้วก็ใส่หัวไชเท้ากับแครอทลงไปต้มต่อให้สุก จากนั้นปรุงรสด้วยซอสปรุงรส น้ำตาลทราย พริกไทยป่น ชิมรสตามชอบ เมื่อได้รสชาติที่ชอบแล้ว ปิดแก๊ส แล้วโรยด้วยขึ้นฉ่าย ก็เป็นอันเสร็จค่ะ


4. แกงจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่าย

เมนูจากหมูสับเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตอีกหนึ่งเมนูค่ะ ที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ ท่านชอบทำให้เด็กทาน เพราะทำง่าย แถมยังมีสารอาหารที่ครบถ้วน ส่วนสาหร่ายทะเลยังให้โปรตีนที่สูงแต่ไขมันต่ำด้วยค่ะ

วัตถุดิบแกงจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่าย

  • หมูสับ
  • สาหร่ายสำหรับทำแกงจืด
  • เต้าหู้ไข่
  • ผัดกาดขาว
  • เกลือ
  • พริกไทย
  • ซอสปรุงรส
  • กระเทียมเจียว (สำหรับโรยหน้า)

วิธีทำแกงจืดเต้าหู้หมูสับสาหร่าย

เริ่มจากการหมักหมูเช่นเคยค่ะ โดยนำหมูสับมาหมักกับซอสปรุงรสและพริกไทยดำ จากนั้นนำสาหร่ายมาแช่น้ำแล้วตัดเป็นเส้น ๆ ต่อมาหั่นผักกาดขาวและเต้าหู้ไข่ขนาดตามชอบ จากนั้นตั้งน้ำ และใส่เกลือลงไปเล็กน้อย รอจนน้ำเดือด ปั้นหมูสับเป็นก้อนแล้วใส่ลงไป จากนั้นรอจนน้ำเดือดอีกครั้ง ใส่สาหร่าย เต้าหู้ไข่ และผักกาดขาวลงไปในหม้อ หมั่นช้อนฟองออกเรื่อยๆนะคะ น้ำซุปจะได้สีสวย จากนั้นปิดแก๊สแล้วโรยด้วยกระเทียมเจียวหอม ๆ แค่นี้ก็น่าทานแล้วค่ะ


5. แกงจืดวุ้นเส้นไก่สับ

เมนูจากไก่กันบ้างค่ะ รอบนี้เรามาเอาใจคนที่ชอบทานไก่กันบ้างค่ะ เป็นเมนูที่ทำง่าย จะทานกับข้าวสวยก็ได้ หรือจะทานเป็นซุปสำหรับคนที่ลดน้ำหนักก็ได้ค่ะ เมนูนี้มีวัตถุดิบแค่ ไก่สับ วุ้นเว้น และผัดกาดขาว เชื่อว่าทุกคนสามารถทำตามกันได้แน่นอนค่ะ

วัตถุดิบแกงจืดวุ้นเส้นไก่สับ

  • ไก่สับ
  • วุ้นเส้น
  • ผักกาดขาว
  • ขึ้นฉ่าย
  • กระเทียม
  • ซอสปรุงรส
  • ผงปรุงรส
  • กระเทียมเจียว (สำหรับโรยหน้า)

วิธีทำแกงจืดวุ้นเส้นไก่สับ

ขั้นแรก นำไก่สับมาหมักกับซอสปรุงรส นวดจนเข้าเนื้อ นำมาปั้นเป็นก้อน แล้วตั้งพักไว้ จากนั้นล้างผักกาดขาวให้สะอาด นำมาหั้นเป็นท่อน ขนาดตามชอบ ตั้งน้ำ พอน้ำเริ่มเดือด ใส่ผงปรุงรส เกลือและกระเทียมทุบหยาบลงไป รอจนน้ำเดือดก็ใส่ไก่สับได้เลยค่ะ จากนั้นรอจนไก่สุก ใส่ผักกาดขาวและวุ้นเส้นลงไป (ไม่ต้องต้มนาน เพราะจะทำให้วุ้นเส้นอืดค่ะ) ปิดแก๊ส ใส่ขึ้นฉ่าย และโรยกระเทียมเจียว ก็สามารถรับประทานได้แล้วค่ะ


6. แกงจืดผักกาดดองใส่กระดูกหมู

เมนูนี้ถึงจะมีรสชาติเปรี้ยวนำ แต่ยังจัดอยู่ในกลุ่มแกงจืดนะคะ ทำเมนูจืด ๆ ไปเยอะแล้ว มาต่อกันด้วยเมนูที่มีรสเปรี้ยวอย่างผักกาดดองกันบ้างค่ะ ทุกคนทราบไหมคะ ว่าเจ้าตัวผักกาดดองเนี่ย ช่วยบำรุงหัวใจ แถมยังมีแบคทีเรียโปรไบโอติกส์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วยนะคะ วิธีทำก็แสนง่าย ไปดูกันเลยค่ะ

วัตถุดิบแกงจืดผักกาดดองใส่กระดูกหมู

  • กระดูกหมู
  • ผักกาดดอง
  • กระเทียม
  • น้ำตาล
  • ผงปรุงรส

วิธีทำแกงจืดผักกาดดองใส่กระดูกหมู

นำกระดูกหมูมาล้างให้สะอาด จากนั้นตั้งน้ำให้เดือด ใส่ผงปรุงรส กระเทียม และกระดูกหมูลงไป หั่นผักกาดดองเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำมาขยำกับน้ำเพื่อคายความเปรี้ยว และบีบน้ำทิ้งออกให้หมด เมื่อกระดูกหมูสุกแล้ว ใส่ผักกาดดองที่เตรียมไว้ ตุ๋นต่อจนกระดูกหมูนุ่มดี อาจจะให้หม้อตุ๋นไฟฟ้าก็ได้ค่ะเพื่อประหยัดเวลา จากนั้นใส่น้ำตาลเล็กน้อยเพื่อตัดรสเปรี้ยว เพียงเท่านี้เราก็จะได้แกงจืดผักกาดดองกระดูกหมูอร่อย ๆ ไว้ทานแล้วค่ะ


7. แกงจืดไข่น้ำ

คราวนี้มาดูเมนูจากไข่ที่ไม่มีเนื้อสัตว์กันบ้างค่ะ สูตรนี้ก็ทำง่ายอีกเช่นเคย เพียงแค่มี “ไข่ไก่” คุณก็สามารถทานแกงจืดอร่อย ๆ ได้เเล้วล่ะค่ะ มาดูวิธีทำกันเลย

วัตถุดิบแกงจืดไข่น้ำ

  • ไข่ไก่
  • ต้นหอม
  • ผักชี
  • กระเทียม
  • ผงปรุงรส
  • ซอสปรุงรส

วิธีทำแกงจืดไข่น้ำ

ขั้นแรกนะคะ เริ่มจากการเจียวไข่เลยค่ะ ปรุงรสตามชอบ จากนั้น ตั้งน้ำ ใส่กระเทียมทุบหยาบ ผงปรุงรส และซอสปรุงรสลงไป เเล้วชิมรสตามชอบ จากนั้นใส่ไข่เจียวของเราลงไป ปิดแก๊ส โรยด้วยต้มหอม และผักชีซอย พร้อมเสิร์ฟค่ะ เป็นไงคะเมนูนี้ทำง่ายอย่างที่บอกเลยใช่ไหมคะ หากใครที่มีเวลาน้อย เมนูแกงจืดไข่น้ำก็เป็นทางเลือกให้คุณได้ค่ะ


8. แกงจืดไก่ฟักมะนาวดอง

มาที่เมนูเปรี้ยว ๆ อีกสักเมนูค่ะ สำหรับแกงจืดไก่ฟักมะนาวดอง เมนูนี้เป็นอาหารจีนที่ตอนนี้นิยิมทานกันแพร่หลายในบ้านเราเลยค่ะ เพราะรสชาติอร่อย เปรี้ยวกำลังดี กลมกล่อม อยากรู้แล้วใช่ไหมคะว่าทำยังไง มาดูกันเลยค่ะ

วัตถุดิบแกงจืดไก่ฟักมะนาวดอง

  • น่องไก่
  • ฟักเขียว
  • มะนาวดอง
  • เห็ดหอม
  • กระเทียม
  • ผงปรุงรส
  • ซอสปรุงรส
  • ผักชี (สำหรับโรยหน้า)

วิธีทำแกงจืดไก่ฟักมะนาวดอง

ขั้นตอนแรกนะคะ ล้างวัตถุดิบให้สะอาด ตั้งน้ำ ใส่ กระเทียมทุบหยาบและผงปรุงรสลงไป รอจนน้ำเดือด หรี่ไฟอ่อน จากนั้นค่อย ๆ ใส่ไก่ลงไปค่ะ จากนั้นเมื่อไก่สุกดีแล้ว ตามด้วยใส่เห็ดหอม ฟักเขียว ซอสปรุงรส รอจนฟักสุก จากนั้นใส่มะนาวดองลงไปค่ะ แนะนำว่าอย่าใส่มะนาวดองตอนไฟแรงนะคะ เพราะจะทำให้มะนาวสุกและคายรสขมออกมาค่ะ เท่านี้เราก็จะได้แกงจืดไก่ฟักมะนาวดองอร่อย ๆ ไว้ทานแล้วค่ะ


9. แกงจืดฟักทองหมูสับ

มาที่เมนูจากฟักทองสายสุขภาพกันอีกแล้วค่ะ สำหรับเมนูแกงจืดฟักทองหมูสับ เมนูนี้เรียกได้ว่าคุณประโยชน์ครบถ้วนจริง ๆ เพราะฟักทองมีสารสีส้มที่ช่วยบำรุงสายตา ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ลดระดับน้ำตาลในเลือด และยังช่วยบำรุงร่างกาย เมนูนี้จึงเหมาะมาก ๆ สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ค่ะ

วัตถุดิบแกงจืดฟักทองหมูสับ

  • หมูสับ
  • ฟักทอง
  • ผงปรุงรส
  • ซอสปรุงรส
  • ผักชี (สำหรับโรยหน้า)

วิธีทำแกงจืดฟักทองหมูสับ

เริ่มแรกนะคะ ล้างฟักทองให้สะอาด ขูดไส้ออกให้เกลี้ยง หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำ จากนั้น ตั้งน้ำ รอจนเดือด ใส่ผงปรุงรส และหมูสับลงไป พอหมูสุกตามด้วยฟักทอง ซอสปรุงรส ชิมรสตามชอบ รอจนฟักทองสุกนิ่มดี ปิดแก๊ส โรยด้วยผักชี เป็นอันเสร็จค่ะ เป็นไงคะทำตามไม่ยากเลยใช่ไหมคะ


10. แกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา

มาถึงเมนูสุดท้ายค่ะ เมนูคลีน ๆ อีกหนึ่งเมนูจากเนื้อปลา สำหรับผู้ที่ชอบทานปลา เมนูนี้ได้ประโยชน์ทั้งจากเต้าหู้ และจากเนื้อปลาเลยค่ะ เมนูนี้จะคล้ายกับ แกงจืดมะระยัดไส้หมูสับ แต่เปลี่ยนเป็นเต้าหู้กับเนื้อปลาแทนค่ะ เอาล่ะค่ะ ถ้าอดใจรอไม่ไหวแล้ว มาทำตามกันเลย

วัตถุดิบแกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา

  • เต้าหู้ขาว (แบบนิ่ม)
  • เนื้อปลาทรายบด
  • สามเกลอ (กระเทียม รากผักชี พริกไทย โขลกละเอียด)
  • ต้นหอม / ขึ้นฉ่าย
  • กระเทียม
  • ผงปรุงรส
  • ซอสปรุงรส

วิธีทำแกงจืดเต้าหู้สอดไส้เนื้อปลา

ขั้นแรกนะคะ นำ สามเกลอ ซอสปรุงรส มาคลุกเค้ากลับเนื้อปลาบดจนเหนียวนุ่มเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำเต้าหู้ขาวมาหั้น 4 ชิ้น ให้มีช่องว่างสำหรับยัดไส้ปลาค่ะ ใส่เนื้อปลาลงไปในเต้าหู้ แล้วตั้งพักไว้ จากนั้นตั้งน้ำ ใส่กระเทียมทุบหยาบ และผงปรุงรสลงไป รอจนน้ำเดือด ค่อย ๆ ใส่เต้าหู้ยัดไส่ลงไป ขั้นตอนนี้ต้องทำอย่างเบามือนะคะ เพราะจะทำให้เนื้อเต้าหู้เละได้ค่ะ จากนั้นปรุงรสด้วยซอสปรุงรส รอจนหมูสุก ชิมรสตามชอบ โรยหน้าด้วยต้นหอม และใบขึ้นฉ่าย เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่ะ


เป็นอย่างไรกันบ้างค่ะสำหรับเมนูแกงจืด ที่เรานำมาฝากกันวันนี้ นี่ถ้าได้แกงจืดสักถ้วย กับข้าวสวยร้อน ๆ คงฟินน่าดูเลยค่ะ นอกจากนี้เรายังมีเมนูสายสุขภาพอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมากมายไม่ว่าจะเป็น เมนูปลาซาบะ, เมนูจากแตงกวา,​ เมนูดอกกะหล่ำ,​ เมนูปลากะพง, ​เมนูจากกะหล่ำปลี, เมนูเต้าหู้, เมนูจากไข่ขาว, เมนูจากอกไก่ หรือจะเป็นของหวานอย่างสูตรขนมไร้แป้งก็ยังมีเลยค่ะ ไว้ครั้งหน้าเราจะมีเมนูไหนมาแนะนำอีก อย่าลืมติดตามกันนะคะ สำหรับวันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อนค่ะ