“ตับ” จัดเป็นซูเปอร์ฟู้ดหรืออาหารทางเลือกสำหรับผู้รักสุขภาพที่มีประโยชน์มาก เพราะสามารถทานได้ตั้งแต่คนทั่วไป คุณแม่ตั้งครรภ์ และเด็กตัวเล็ก ๆ เนื่องจากตับอุดมไปด้วยโปรตีนและธาตุเหล็กในปริมาณมาก สำหรับโปรตีนจะมีหน้าที่เสริมสร้างและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอภายในร่างกาย ถือว่าโปรตีนเป็นสารอาหารที่จำเป็นมากสำหรับเด็กในวัยเจริญเติบโตเพราะร่างกายของพวกเขาต้องกรโปรตีนเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรงและสามารถเคลื่อนไหวได้สะดวกค่ะ ส่วนธาตุเหล็กจะช่วยสร้างฮีโมโกลบินหรือเม็ดเลือดแดงที่ไม่หลายคนคงจะทราบดีอยู่แล้วว่ามีหน้าที่ส่งออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ภายในร่างกาย นอกจากนี้ธาตุเหล็กยังเหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีประจำเดือนเพราะจะช่วยสร้างเลือดใหม่เข้าไปทดแทนเลือดที่เสียไปและโปรตีนยังมีส่วนช่วยในการลดน้ำหนักอีกด้วยค่ะ (1-5)
แหม ทราบอย่างนี้แล้วหลายคนคงอยากพุ่งไปตลาดแล้วซื้อตับมาทานเป็นมื้อเย็นแล้วใช่ไหมล่ะคะ อย่าเพิ่งใจร้อนค่ะเพื่อน ๆ เพราะวันนี้เรามีสูตรเมนูจากตับมาฝากเพื่อน ๆ ถึง 10 เมนูจุก ๆ เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือวิธีล้างตับให้อร่อยและไม่มีกลิ่นคาวเพราะเราคิดว่าหลายคนต้องเคยปวดหัวกับปัญหานี้แน่นอน ส่วนเมนูของเรามีให้เลือกทั้งเผ็ดน้อย เผ็ดมาก จะกับแกล้มหรือกับข้าวก็เลือกกันได้ตามใจชอบเลยจ้า อย่ารอช้ารีบเลื่อนไปจดสูตรกันเลยดีกว่า
วิธีเตรียมตับไม่ให้คาว ไร้รสขม
ปัญหาที่ใครหลาย ๆ คนเจอเมื่อทานตับก็คือบางครั้งตับอาจจะมีกลิ่นคาวหรือมีรสชาติขมจนพาลทำให้อาหารมื้อนั้นไม่อร่อยไปซะงั้น สาเหตุที่ทำให้ตับคาวนั้นส่วนใหญ่มากเลือดที่ซึมอยู่ในเนื้อตับเหมือนกับเลือดที่อยู่ในกระดูก ถ้าล้างทำความสะอาดและปรุงไม่ถูกวิธีก็จะทำให้เมนูนั้น ๆ มีกลิ่นคาวรุนแรงได้ ถ้าเพื่อน ๆ สังเกตจะเห็นว่าตับเป็นชิ้นส่วนที่ล้างเท่าไหร่ก็ยังมีเลือดซึมออกมาเสมอ แม้กระทั่งตอนอยู่ในกระทะ เมื่อผัดไปจนถึงระยะที่ตับสุกก็จะมีเลือดไหลออกมาจากรูพรุนภายในตับค่ะ ดังนั้นการล้างเอาเลือดออกไปให้ได้มากที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ
บางครั้งแค่ล้างน้ำเปล่าอาจจะไม่เพียงพอที่จะเอาเลือดเหล่านั้นออกมาจนหมดได้ ดังนั้นหลังจากหั่นตับเป็นชิ้นแล้วเราแนะนำให้เพื่อน ๆ ผสมแป้งมันลงไปแล้วเติมน้ำตามอีกนิดหน่อย ขยำไปเรื่อย ๆ จนตับสีซีดลงและน้ำกลายเป็นสีชมพูอ่อน แช่ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วนำมาล้างออกจะเห็นว่าสีตับซีดลงอย่างเห็นได้ชัดเลยค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ อยากให้ตับมีความนุ่มละมุนด้วยก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการแช่ตับด้วยนมสดอย่างน้อย 30 นาที แล้วล้างน้ำเปล่าจนสะอาด ส่วนใครที่อยากให้ตับเด้งและมีชิ้นสวยก็สามารถลวกตับหนึ่งครั้งก่อนนำไปประกอบอาหาร แค่นี้เราก็ได้ตับที่ไม่มีกลิ่นคาว, นุ่ม, เด้ง และชิ้นอวบสวยแล้วค่ะ
สูตรเมนูจากตับ
1. ตับทอดกระเทียม
เริ่มต้นกันที่เมนูตับทอดกระเทียมค่ะ เมนูนี้สามารถทานได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลยค่ะ ตับของเราจะกรอบนอกนุ่มใน กัดลงไปเจอควันกรุ่น ๆ และกลิ่นหอมสามเกลอพร้อมรสชาติอร่อยกลมกล่อม ไม่มีกลิ่นคาว หอมกลิ่นกระเทียมเจียวผสมไปกับกลิ่นสามเกลออ่อน ๆ ตักราดข้าวสวยนุ่ม ๆ แล้วทานพร้อมกันจะอร่อยมากเลยค่ะ หรือถ้าเด็ก ๆ จะจิ้มกับซอสพริกเพิ่มความเผ็ดขึ้นมาอีกนิดก็อร่อย
วัตถุดิบตับทอดกระเทียม
- ตับหมู
- กระเทียม
- รากผักชี
- น้ำตาล
- พริกไทยขาวเม็ด
- ซอสปรุงรส
- ซอสหอยนางรม
- น้ำมันพืช
วิธีทำตับทอดกระเทียม
นำตับมาล้างทำความสะอาดจนสีซีดก่อนค่ะ จากนั้นโขลกกระเทียมให้แหลกแบบพอหยาบ แบ่งตักใส่ถ้วยและเหลือติดครกไว้เล็กน้อย ใส่รากผักชีและพริกไทยตามลงไปตำให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกันเพื่อทำสามเกลอ ส่วนกระเทียมที่แบ่งออกมาเราจะนำมาเจียวจนเหลืองกรอบแล้วพักให้สะเด็ดน้ำมันค่ะ
นำตับหมูมาหมักด้วยสามเกลอ, น้ำตาล, ซอสปรุงรส และน้ำมันพืช คลุกเคล้าเบา ๆ ให้เข้ากันแล้วหมักทิ้งไว้ประมาณ 15 – 20 นาที ให้รสชาติซึมเข้าเนื้อตับ จากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไปกะพอให้ท่วมตับแล้วเปิดพอกลาง รอจนน้ำมันร้อนแล้วนำตับลงทอดทีละน้อย ๆ จนตับสุกนุ่มตามต้องการ แต่ถ้าทอดนานจนเกินไปตับจะแห้งและกระด้างได้ค่ะ ดังนั้นจึงแล้วแต่ความชอบของแต่ละคนเลย ตับสุกดีแล้วตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมันแล้วโรยด้วยกระเทียมเจียวก่อนเสิร์ฟจ้า
2. ตับไก่ย่าง
ถัดมาเป็นหนึ่งเซตอาหารอีสานยอดฮิตที่หลายคนชื่นชอบ ตับไก่ย่างเป็นอีกหนึ่งเมนูที่สามารถช่วยเพิ่มรสชาติของส้มตำให้อร่อยมากขึ้นและสามารถทานเพื่อลดความเผ็ดได้อีกด้วย ตับไก่ย่างมาแบบหอม ๆ เนื้อด้านนอกกรอบเกรียมนิด ๆ แต่ด้านในนุ่มละมุนสุด ๆ เครื่องหมักหอมเข้าเนื้อรสชาติหวาน ๆ เค็ม ๆ อร่อยกลมกล่อม ได้น้ำจิ้มแจ่วและข้าวเหนียวสักกระติ๊บรับรองทานเพลินจนลืมอิ่มแน่นอนค่ะ
วัตถุดิบตับไก่ย่าง
- ตับไก่
- กระเทียม
- รากผักชี
- เม็ดผักชี
- พริกไทยขาวเม็ด
- น้ำตาลมพะร้าว
- ซีอิ๊วดำ
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสหอยนางรม
- นมข้นจืด
- น้ำมันพืช
วิธีทำตับไก่ย่าง
ขั้นตอนแรกเราต้องล้างทำความสะอาดตับไก่ให้สะอาดเอี่ยมอ่องก่อนค่ะ สำหรับตับไก่อาจจะไม่ต้องแช่แป้งมันเหมือนตับหมูนะคะเพราะตับไก่มีเลือดน้อยกว่ามาก แค่ขยำเกลือเบา ๆ เพื่อล้างกลิ่นคาวแล้วล้างน้ำให้สะอาดก็ใช้ได้แล้วค่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ อยากแช่แป้งเพื่อความนุ่มและความชัวร์ก็สามารถทำได้ไม่ว่ากันค่ะ แต่ที่สำคัญคือต้องใช้ความทะนุถนอมนิดนึงเพราะตับไก่จะเละง่ายมากค่ะ
ต่อมาตำเม็ดผักชีกับพริกไทยให้ละเอียดก่อน จากนั้นตามด้วยกระเทียมและรากผักชี โขลกให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกันแล้วพักไว้ หันมาผสมน้ำตาล, ซีอิ๊วขาว, ซอสหอยนางรม, ซีอิ๊วดำ, นมข้นจืด และน้ำมันพืชลงในภาชนะแล้วคนผสมให้เข้ากัน ชิมรสชาติเล็กน้อยแล้วนำเครื่องโขลกใส่ตามลงไป ผสมให้เข้ากันแล้วนำตับไก่ลงคลุกเคล้าจนทั่วจากนั้นหมักทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง
ระหว่างหมักตับไส้เราจะนำไม้เสียบลูกชิ้นมาแช่น้ำไว้พร้อม ๆ กันค่ะ การนำไม้เสียบลูกชิ้นมาแช่น้ำจนชุ่มจะช่วยให้ไม้ไม่ไหม้ขณะย่างและทำให้ตับไก่ด้านในฉ่ำไม่แห้งอีกด้วย ครบเวลาแล้วนำไก่มาเสียบบนไม้เสียบลูกชิ้นไม้ให้แน่นมากแล้วนำขึ้นเตาถ่านปิ้งย่างไฟอ่อน ๆ ย่างไปเรื่อย ๆ จนผิวด้านนอกแห้งและสุกตามชอบ ขณะย่างสามารถใช้น้ำหมักตับทาให้ทั่วเพื่อเพิ่มความหอมและความอร่อยได้นะคะ สุกดีแล้วจัดเสิร์ฟร้อน ๆ ได้เลยจ้า ทานคู่กับเมนูไก่ย่าง ส้มตำ และข้าวเหนียวร้อน ๆ อร่อยมาก!
3. ตับหวาน
มูฟมาที่ตับหวานหรือลาบตับหมู เมนูนี้ก็รวมอยู่ในเซตเมนูอาหารอีสานเช่นกัน เราจะนำตับหวานมารวนจนเนื้อสุกฟู นำมาคลุกเคล่าด้วยเครื่องลาบที่จัดเต็มทั้งสมุนไพรและเครื่องปรุงรส กลิ่นข้าวคั่วและพริกป่นหอมฟุ้งแข่งกับผักชีฝรั่งและสะระแหน่ กัดผ่านรสชาติจัดจ้านลงไปจะเจอกับความนุ่ม ความฉ่ำ และรสชาติหวาน ๆ ของตับที่กระจายอยู่เต็มปาก ยิ่งเคี้ยวก็ยิ่งได้รสชาติและความหอม ยกเครื่องดื่มขึ้นจิบตามไปอีกนิดบอกเลยว่าฟินสุด ๆ
วัตถุดิบตับหวาน
- ตับหมู
- สะระแหน่
- ผักชีฝรั่ง
- หอมแดง
- พริกป่น
- ข้าวคั่ว
- ผงชูรส
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำมะนาว
- น้ำเปล่า
วิธีทำตับหวาน
ซอยหอมแดง, ผักชีฝรั่ง และสะระแหน่เตรียมไว้ก่อนค่ะ จากนั้นหั่นและล้างทำความสะอาดตับหมูให้เรียบร้อย เสร็จแล้วตั้งหม้อใส่น้ำเล็กน้อย นำขึ้นตั้งไฟกลางค่อนแรงแล้วนำตับหมูลงรวนจนสุกพองตัวขึ้น ไม่ต้องรวนจนสุกมากนะคะ เสร็จแล้วนำมาปรุงรสชาติด้วยน้ำปลา, น้ำตาล, น้ำมะนาว, ผงชูรส, พริกป่น และข้าวคั่ว คลุกเคล้าให้ทั่วแล้วชิมรสชาติ ถ้าพอใจแล้วปิดท้ายด้วยหอมแดง, ผักชีฝรั่ง และสะระแหน่ซอยได้เลยค่ะ คลุกให้เข้ากันอีกนิดตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้เลย
4. ตับหมูผัดดอกหอม
ตับหมูผัดดอกหอมเป็นเมนูง่าย ๆ ที่คนไม่ชอบผักสามารถทานได้สบาย ๆ เลยค่ะ เมนูนี้มีรสชาติหวาน ๆ เค็ม ๆ อร่อยกลมกล่อม ตับที่นำไฟผัดจะฟูเด้ง กัดลงไปเนื้อจะนุ่มและฉ่ำไปด้วยน้ำซอส ดอกกะหล่ำกรอบ ๆ ไม่มีรสเผ็ดหรือกลิ่นหัวหอมคอยกวนใจเลยค่ะ ผัดให้มีน้ำซอสเล็กน้อย ตักน้ำราดลงบนข้าวสวยแล้วคลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักตับและดอกหอมวางลงไปแล้วตักทั้งหมดเข้าปากภายในหนึ่งคำ หืมมมทั้งหอมทั้งอร่อย
วัตถุดิบตับหมูผัดดอกหอม
- ตับหมู
- ดอกหอมหรือดอกกุยช่าย
- กระเทียม
- น้ำตาล
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสหอยนางรม
- น้ำมันพืช
วิธีทำตับหมูผัดดอกหอม
ขั้นตอนแรกเหมือนเดิมเลยค่ะ หั่นและล้างทำความสะอาดตับหมูก่อน จากนั้นล้างและหั่นดอกหอมเป็นท่อนพอดีคำเตรียมไว้ สำหรับดอกหอมแนะนำให้เลือกซื้อต้นขาว ๆ อวบ ๆ นะคะ เพราะจะกรอบหวานและไม่มีรสเผ็ดเลยค่ะ ส่วนกระเทียมเราก็จะนำมาสับหยาบ ๆ ค่ะ หรือจะใช้ที่บดกระเทียมก็ได้เช่นกันค่ะ
ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันเล็กน้อยแล้วนำขึ้นตั้งเตาเปิดไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อนได้ที่นำกระเทียมลงผัดจนเริ่มเหลืองและส่งกลิ่นหอม ไม่ต้องผัดจนกระเทียมสุกกรอบนะคะเดี๋ยวจะติดขมเอาได้ จากนั้นตามด้วยใส่ตับลงไป และเร่งไฟแรงขึ้นอีกนิดจนสุกฟูขึ้นมาเลยค่ะ ตับฟูดีแล้วลดไฟลงเป็นไฟกลางแล้วนำดอกหอมลงกระทะ คลุกเคล้าสองสามครั้งแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาล, ซีอิ๊วขาว และซอสหอยนางรม ผัดให้เข้ากันแล้วปิดฝาทิ้งไว้เพื่ออบให้ดอกหอมสุก จากนั้นเปิดฝาแล้วผัดอีกสองสามครั้งก่อนจัดใส่จานเสิร์ฟ
5. ผัดกะเพราตับไก่
เปลี่ยนมาทำกับข้าวรสชาติจัดจ้านกันบ้าง เรามีบทความเมนูกะเพราไปแล้วแต่วันนี้เราจะมาชวนเพื่อน ๆ เข้าครัวทำกะเพราตับไก่ทานกันค่ะ ผัดกะเพรานี่เป็นเมนูกันตายยอดฮิตจริง ๆ เพราะสามารถเปลี่ยนเนื้อสัตว์ได้หลากหลาย หรือเบื่อเนื้อสัตว์แล้วจะเปลี่ยนมาใช้ลูกชิ้นหรือไส้กรอกก็ยังอร่อยเด็ดเหมือนเดิม สำหรับสูตรนี้เราจะใช้ตับไก่ที่มีรสชาติและเทกซ์เจอร์เฉพาะตัว นำมาผัดกับใบกะเพราจนหอมตลบอบอวลและเพิ่มความเผ็ดร้อนด้วยพริกกระเทียมจนต้องแอบปาดเหงื่อ
วัตถุดิบผัดกะเพราตับไก่
- ตับและเครื่องในไก่
- พริกแดงจินดา
- กระเทียม
- ใบกะเพรา
- ใบมะกรูด
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- ซอสหอยนางรม
- น้ำมันพืช
วิธีทำผัดกะเพราตับไก่
ล้างทำความสะอาดและหั่นตับไก่ก่อนค่ะ แนะนำให้หั่นเป็นหนานิดนึงนะคะตอนทานจะได้เต็มปากเต็มคำและไม่เละเกินไปด้วย จากนั้นพักตับไว้ก่อนแล้วหันมาโขลกกระเทียมและพริกให้แหลก ถ้ามีดอกกะเพราก็สามารถใส่เพิ่มลงไปด้วยได้นะคะ ดอกกะเพราจะช่วยทำให้ผัดกะเพราตับไก่ของเรามีกลิ่นหอมและดับกลิ่นคาวตับได้อีกด้วย เสร็จแล้วนำใบกะเพรามาเด็ดแล้วล้างน้ำเตรียมไว้เลย
นำกระทะขึ้นตั้งไฟกลาง รอจนกระทะเริ่มร้อนใส่น้ำมันลงไปพอประมาณแล้วนำเครื่องโขลกลงผัดก่อนค่ะ ผัดไปเรื่อย ๆจนกระเทียมหอมและเริ่มรู้สึกอยากจามแล้วแปลว่าใช้ได้ จากนั้นนำตับลงผัดต่อเลย ตับลงกระทะแล้วปล่อยไว้สักครู่นึงก่อนให้ตับสุกและเซตตัว หลังจากเซตตัวไม่าเหลวแล้วค่อย ๆ พลิกกลับและผัดไปเรื่อย ๆ จนสุก ปรุงรสชาติด้วยน้ำตาล, น้ำปลา และซอสหอยนางรม คลุกเคล้าใก้เข้ากันแล้วใส่ใบกะเพรา ผัด ๆ คลุก ๆ จนใบกะเพราสลบแล้วตักใส่จานพร้อมขึ้นโต๊ะจ้า
6. ตับผัดพริกหยวก
ตามมาติด ๆ กับเมนูกับข้าวที่อร่อยไม่แพ้ตับผัดดอกหอมเลย สำหรับเมนูตับผัดพริกพยวกเราจะเลือกใช้พริกหยวกเพราะมีรสชาติไม่เผ็ดมากนักและมีกลิ่นรสเฉพาะตัว นอกจากนี้ยังทานง่ายและทำให้อาหารของเราดูน่ารับประทานมากขึ้นอีกด้วยค่ะ เราจะหั่นตับเป็นชิ้นหนาแล้วผัดจนสุกแต่ไม่แข็งกระด้าง จากนั้นใส่พริกลงผัดจนนุ่มแต่ไม่เละ เทกซ์เจอร์ของวัตถุดิบจะกรอบนอกนุ่มในและทานได้แบบเพลิน ๆ ปรุงรสให้เข้มข้นกลมกล่อมนิดหน่อยตอนทานกับข้าวจะลงตัวกำลังดีค่ะ
วัตถุดิบตับผัดพริกหยวก
- ตับหมู
- พริกหยวก
- ต้นหอม
- กระเทียม
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสหอยนางรม
- น้ำมันพืช
วิธีทำตับผัดพริกหยวก
ขั้นตอนแรกเหมือนเดิมเลยค่ะ หั่นตับแล้วล้างเอาเลือดออกจนซีดก่อนแล้วพักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นหันมาผ่าครึ่งพริกหยวกตามแนวยาวแล้วหั่นเฉียงเป็นชิ้น ๆ ตามด้วยหั่นต้นหอมเป็นท่อนและสับกระเทียมพอหยาบค่ะ เสร็จแล้วนำกระทะตั้งเตา เปิดไฟกลาง ๆ แล้วใส่น้ำมันลงไปพอประมาณ รอจนน้ำมันเริ่มร้อนแล้วนำกระเทียมลงผัดจนสุกหอมก่อนแล้วตามด้วยตับ ผัด ๆ พลิก ๆ จนตับเริ่มสุกเล็กน้อยเราจะใส่พริกหยวกลงไปเลยค่ะเพราะพริกจะต้องใช้เวลานิดหน่อยกว่าจะสุก ผัดไปเรื่อย ๆ จนพริกหยวกเริ่มสุกนิ่มแล้วเราจะปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำปลา, ซีอิ๊วขาว และซอสหอยนางรม เติมน้ำเปล่าเล็กน้อยแล้วผัด ๆ คลุก ๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันค่ะ นำต้นหอมลงผัดจนสลบปิดท้ายก่อนตักใส่จานเสิร์ฟ
7. ตับผัดพริกไทยดำ
ผัดพริกไทยดำเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ผัดกับอะไรก็อร่อยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อไก่, เนื้อหมู, เนื้อวัว, อาหารทะเล หรือจะเปลี่ยนมาเป็นตับหมูนุ่ม ๆ ก็อร่อยเข้ากันสุด ๆ เราจะผัดหมูให้พอสุกนุ่มไม่แข็งกระด้างจนฝืดคอ จากนั้นปรุงรสให้เข้มข้น ได้กลิ่นเผ็ดร้อนจากพริกไทยเน้น ๆ คุณอาจจะเพิ่มสีสันให้น่ารับประทานด้วยพริกหวาน 3 สีและหอมใหญ่ด้วยก็ได้ แต่ถ้าไม่มีก็ไม่เป็นไรค่ะ ทานกับข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยอย่าบอกใครเลยค่ะ
วัตถุดิบตับผัดพริกไทยดำ
- ตับหมู
- หอมใหญ่
- พริกหวาน 3 สี
- ต้นหอม
- กระเทียม
- พริกไทยดำเม็ด
- เกลือ
- ซีอิ๊วดำ
- ซอสปรุงรส
- น้ำปลา
- ซอสหอยนางรม
- น้ำเปล่า
- น้ำมันพืช
วิธีทำตับผัดพริกไทยดำ
หั่นตับหมูเป็นชิ้นขนาดพอประมาณแล้วล้างทำความสะอาดเตรียมไว้ก่อนค่ะ จากนั้นหยิบพริกหวานและหอมใหญ่มาหั่นเป็นชิ้น 4 เหลี่ยมขนาดพอดีคำเท่า ๆ กันค่ะ เสร็จแล้วหั่นต้นหอมเป็นท่อนแล้วสับกระเทียมหยาบ ๆ ส่วนพริกไทยดำเราจะคั่วให้มีกลิ่นหอมเล็กน้อยแล้วนำมาบดหรือโขลกให้แหลกแต่ไม่ต้องละเอียดมากนัก
นำกระทะขึ้นตั้งเตา เปิดไฟกลางแล้วใส่น้ำมันลงไปพอประมาณค่ะ รอจนน้ำมันร้อนได้ที่แล้วนำกระเทียมและพริกไทยดำลงผัดจนสุกหอมก่อนแล้วตามด้วยตับหมู ผัดต่อจนตับหมูฟูและสุก จากนั้นเติมน้ำเปล่าลงไปเล็กน้อยแล้วปรุงรสด้วยน้ำตาล, น้ำปลา, ซอสปรุงรส, เกลือ, ซอสหอยนางรม และซีอิ๊วดำ คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติให้อร่อยตามชอบ จากนั้นเร่งไฟแรงแล้วนำพริกหวานและหอมใหญ่ลงผัดต่อจนหอมใหญ่สุกใส โรยต้นหอมหั่นท่อนแล้วผัด ๆ คลุก ๆ ให้ต้นหอมสลบเล็กน้อยก่อนตักใส่จานเสิร์ฟ
8. ผัดเผ็ดเครื่องในไก่ใส่หน่อไม้ดอง
ใครชอบทานเผ็ดต้องชอบเมนูผัดเผ็ดเครื่องในไก่ใส่หน่อไม้ดองแน่นอนค่ะ เมนูนี้ทั้งเผ็ดและหอม เราจะเลือกใช้เครื่องในไก่ที่คำความสะอาดมาเป็นอย่างดีมาผัดรวมกับพริกแกงเผ็ดหอม ๆ จนส่งกลิ่นยั่วน้ำลายไปทั่วทั้งบ้าน ปรุงรสชาติให้เข้มข้นทั้งเค็มและหวาน ได้รสเปรี้ยวอ่อน ๆ จากหน่อไม้ดอง เครื่องในไก่ยังนุ่มและหอม พริกแกงรสชาติเผ็ดร้อนถึงใจ ยิ่งได้ตักราดลงบนข้าวสวยร้อน ๆ และมีไข่เจียวหรือไข่ดาวช่วยลดเผ็ดอีกสักฟองรับรองว่าอิ่มอร่อยแน่นอนค่ะ
วัตถุดิบผัดเผ็ดเครื่องในไก่ใส่หน่อไม้ดอง
- เครื่องในไก่
- หน่อไม้ดอง
- ใบกะเพรา
- พริกจินดาแดง
- พริกแกงเผ็ด
- น้ำตาล
- ซอสหอยนางรม
- น้ำเปล่า
- น้ำมันพืช
วิธีทำผัดเผ็ดเครื่องในไก่ใส่หน่อไม้ดอง
ก่อนอื่นเราจะนำหน่อไม้ดองมาล้างทำความสะอาดสัก 2 ครั้งเพื่อลดความเปรี้ยวออกก่อนค่ะ จากนั้นตั้งน้ำให้เดือดแล้วต้มหน่อไม้ดองอีก 1 ครั้งเพื่อฆ่าเชื้อและทำให้หน่อไม้สุกนิ่มกว่าเดิม ตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำรอไว้ หันมาล้างทำความสะอาดและหั่นเครื่องในไก่เป็นชิ้นตามชอบ ลวกน้ำเตรียมไว้เพื่อลดกลิ่นคาวและทำให้ตับไม่หดเล็กมากจนเกินไป เสร็จแล้วเด็ดใบกะเพราเตรียมไว้แล้วตำพริกแกงเผ็ดกับพริกแดงจินดาให้เข้ากันเพื่อเพิ่มความเผ็ดร้อนค่ะ
ตั้งกระทะเปิดไฟกลาง ใส่น้ำมันนิดหน่อยแล้วนำพริกแกงลงผัดจนสุกหอม ขั้นตอนนี้อาจจะมีกลิ่นแสบจมูกสักหน่อยนะคะ ทนนิดนึงค่ะเพื่อน ๆ หลังจากพริกแกงสุกหอมดีแล้วเราจะนำตับไก่ลงผัดให้เข้ากัน ไม่ต้องผัดนานเพราะตับสุกพอประมาณอยู่แล้ว คราวนี้เราจะปรุงรสกันก่อนค่ะ ใส่น้ำตาล, ซอสหอยนางรม และน้ำปลาลงไป เติมน้ำนิดหน่อย ผัดให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติตามชอบ จากนั้นใส่หน่อไม้ดอง ผัดให้เข้ากันแล้วตามด้วยใบกะเพรา คลุกเคล้าจนใบกะเพราสุกตามชอบแล้วตักใส่จานพร้อมเสิร์ฟ
9. แกงเขียวหวาน
แกงเขียวหวานเมนูอาหารไทยที่ฝรั่งชอบหม้อนี้เราเอาใจคนชอบทานตับโดยเฉพาะหลังจากที่ได้แนะนำวิธีการทำแกงเขียวหวานจากตีนไก่กันไปแล้ว ครั้งนี้จะเป็นการเน้นเนื้อน้อย ๆ ตับ ๆ เยอะ ๆ มาพร้อมกับน้ำแกงเผ็ด ๆ เค็มหวานกลมกล่อม กลิ่นพริกแกงและใบโหระพาลอยตามลมหอมไปจนถึงท้ายซอย สำหรับสูตรนี้เนื้อไก่จะสุกเปื่อย ๆ ตับไก่นุ่มไม่แข็งจนฝืดคอ ใส่มะเขือเปราะพอกรุบกริบและน้ำแกงข้น ๆ ตักราดบนเส้นขนมจีนเนียวนุ่มอร่อยสุด ๆ วันหยุดนี้ต้องจัดแล้ว!
วัตถุดิบแกงเขียวหวาน
- เนื้อไก่
- เครื่องในไก่
- มะเขือเปราะ
- พริกชี้ฟ้า
- ใบโหระพา
- พริกแกงเขียวหวาน
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- กะทิกล่อง
วิธีทำแกงเขียวหวาน
ล้างทำความสะอาดและหั่นเนื้อและเครื่องในไก่เป็นชิ้นพอดีคำก่อนค่ะ จากนั้นหั่นมะเขือเปราะเป็นชิ้นแช่น้ำเกลือไว้ป้องกันรอยดำ ส่วนพริกชี้ฟ้าจะนำมาหั่นแฉลบและเด็ดใบโหระพาแช่น้ำเตรียมไว้ ถ้าเพื่อน ๆ จะใส่ตีนไก่ด้วยแนะนำให้นำไปต้มจนเดือดก่อนนะคะจะได้ไม่เสียเวลาตออนต้มและวัตถุดิบอื่น ๆ จะไม่เละจนเกินไป
นำหม้อตั้งไฟกลาง ใส่กะทิลงไปพอประมาณแล้วเคี่ยวให้แตกมันก่อนค่ะ จากนั้นนำพริกแกงลงผัดกับกะทิจนส่งกลิ่นหอมน่ารับประทาน ใส่เนื้อไก่ลงรวนให้สุกพอประมาณก่อนแล้วนำเครื่องในไก่ใส่ตามลงไป ผัดเครื่องในไก่จนเริ่มสุกแล้วเราจะเติมนำกะทิลงไปจนพอใจแล้วเร่งไฟขึ้นอีกนิด รอจนน้ำแกงเดือดอีกครั้งเราจะปรุงรสด้วยน้ำตาลและน้ำปลาค่ะ คนให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติตามชอบ จากนั้นใส่มะเขือเปราะและพริกชี้ฟ้าลงไปได้เลยจ้า คนให้เข้ากันและรอจนมะเขือสุกนิ่มเราจะปิดท้ายด้วยใบโหระพา ปิดฝารอสักครู่ในใบโหระพาสลบแล้วปิดเตาตักใส่จานได้เลย
10. ตับผง
ปิดท้ายด้วยเมนูสำหรับเด็กอ่อนอย่างตับผงค่ะ ตับผงถือว่าเป็นอาหารที่ดี มีประโยชน์ช่วยเสริมสร้างธาตุเหล็กทำให้เด็กมีร่างกายแข็งแรง เหมาะสำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ คือคนที่ต้องการเสริมธาตุเหล็กให้กับร่างกาย ในส่วนของวัตถุดิบและวิธีทำบอกเลยว่าง่ายค่ะ สำหรับสูตรนี้สามารถนำมาโรยข้าวหรือผสมลงในอาหารได้เลยเพราะตับมีความสุกอยู่แล้ว สามารถเก็บในตู้เย็นช่องธรรมดาได้ประมาณ 5 – 7 วันแต่ไม่แนะนำช่องฟรีซนะคะเพราะตับจะเกาะตัวติดกันเป็นก้อนจ้า
วัตถุดิบตับผง
- ตับไก่
- เกลือ
- นมสดหรือนมผง
- น้ำเปล่า
วิธีทำตับผง
ขั้นตอนแรกเราจะล้างทำความสะอาดตับด้วยเกลือค่ะ พยายามล้างหลาย ๆ รอบจนน้ำใสเลยนะคะจะได้มั่นใจว่าไม่มีกลิ่นคาว จากนั้นแช่ตับด้วยนมสดหรือนมผงที่ใช้ชงให้เด็กทิ้งไว้ อย่างน้อย 1 – 2 ชั่วโมงได้เลยค่ะ นมจะช่วยดับกลิ่นคาวและทำให้ตับนุ่มขึ้น หลังจากครบเวลาแล้วเราจะนำตับมาล้างด้วยน้ำสะอาดประมาณ 1 – 2 ครั้ง แล้วตัดเอาพังผืดหรือขั้วตับออกแล้วหั่นให้เป็นชิ้นเล็กลงค่ะ เสร็จแล้วต้มน้ำให้เดือด ปอกเปลือกและหั่นหอมใหญ่เป็นชิ้นใหญ่ ๆ ลงต้มก่อนเพื่อช่วยให้ตับนิ่มและมีรสชาติหวานค่ะ หลังจากน้ำเดือดอีกครั้งเราก็นำตับไก่ลงต้มจนสุกได้เลย
ไก่สุกดีแล้วตักขึ้นมาพักให้สะเด็ดน้ำ จากนั้นหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วนำเข้าเครื่องปั่น ปั่นตับจนเนียนละเอียดเลยค่ะ เสร็จแล้วนำกระทะเทฟล่อนหรือกระทะเคลือบสารกันติดอย่างกระทะหินอ่อนก็ได้ ตั้งเตา เปิดไฟอ่อน ๆ แล้วเทตับบดลงในกระทะ คั่วไปเรื่อย ๆ จนตับแห้งขึ้นเลยค่ะ ขณะคั่วคอยบี้ตับให้แดกด้วยนะคะเดี๋ยวเกาะตัวเป็นก้อนแล้วจะมีความชื้นมากเกินไป หลังจากคั่วมาสักระยะจนตับเริ่มร่วนดีแล้วเราจะนำกลับมาปั่นในเครื่องบดอาหารเด็กหรือเครื่องปั่นแบบปกติก็ได้ แต่จะต้องปั่นให้ละเอียดแล้วนำกลับไปคั่วในกระทะอีกครั้งจนตับสีเข้มขึ้นและไม่เกาะติดเป็นก้อน จากนั้นปิดเตาแล้วคนไล่ความร้อนออกก่อนจะนำใส่ภาชนะมีฝาปิดแน่นหนาแล้วเก็บเข้าตู้เย็นช่องธรรมดาค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะเพื่อน ๆ กับเมนูจากตับที่เรานำมาฝากในบทความนี้ แต่ละเมนูนี่เห็นแล้วชวนให้นึกถึงตอนเด็กจริง ๆ เลยค่ะ โดยเฉพาเมนูดอกหอมผัดตับและตับทอดกระเทียมนี่ขอบอกเลยว่าเป็นเมนูโปรดของเราเลย ตอนเด็ก ๆ ที่บ้านเราทำเมนูนี้บ่อยมาก ยิ่งได้ตับทอดกระเทียมกับข้าวเหนียวร้อน ๆ แล้วห่อใบตองหอม ๆ นี่เราทานจนลืมอิ่มเลยค่ะ หวังว่าเมนูที่เรานำมาฝากจะถูกใจเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ
แต่แหมไหน ๆ ก็ออกไปซื้อของทั้งทีจะซื้อมาแค่ตับและผักนิด ๆ หน่อย ๆ ก็คงจะเสียดายเวลา ลองแวะมาดูเมนูของเราไว้เป็นไอเดียสำหรับมื้อถัดไปอีกนิดนึงดีมั้ยคะ ไม่ว่าจะเป็นเมนูจากไก่, เมนูจากหมู, เมนูจากเนื้อวัว, อาหารทะเล, อาหารเช้า, อาหารสำหรับผู้สูงอายุ, เมนูจากเป็ด, เมนูจากเบคอน, เมนูจากชีส หรือเมนูขนมไทยก็มีให้เพื่อน ๆ ได้เลือกทุกแบบทุกสไตล์เลยค่ะ รับรองว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอน
References :