นอกจากอาหารแล้วเครื่องดื่มก็เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับงานปาร์ตี้และงานสังสรรค์ต่าง ๆ ค่ะ สำหรับเครื่องดื่มค่อนข้างที่จะมีให้เลือกหลากหลายประเภท แต่ดูเหมือนว่า ‘ค็อกเทล’ จะได้รับความนิยมค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ซึ่งค็อกเทลจะเป็นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และน้ำผลไม้ มีสูตรและรสชาติให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย มีสีสันสวยงาม รวมถึงลีลาการชงของบาร์เทนเดอร์ก็เป็นอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจและดูเพลินสุด ๆ ค่ะ ซึ่งค็อกเทลก็เป็นที่ชื่นชอบของหลาย ๆ คนเพราะรสชาติอร่อย ทานง่าย มึนเร็ว(อิอิ)
แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะโปรดปรานการดื่มแอลกอฮอล์มากนัก แต่รสชาติและสีสันของค็อกเทลก็เป็นอะไรที่สวยงามน่ารับประทานสุด ๆ ไปเลยเหมือนกัน ดังนั้นจึงมีการคิดค้นเครื่องดื่มหน้าตาสวยงามที่ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เลยแม้แต่น้อย และสิ่งนั้นก็คือ “ม็อกเทล” นั่นเองค่ะ
ซึ่งจุดเด่นและจุดสำคัญของม็อกเทลเลยก็คือมันมีสีสันสวยงาม มีการตกแต่งที่ค่อนข้างจะเพลินตา แต่สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัยทั้งเด็กและผู้ใหญ่ค่ะ และเกริ่นมาขนาดนี้เราก็มีพลาดที่จะรวบรวมสูตรม็อกเทลง่าย ๆ ที่มีรสชาติอร่อยมาแนะนำในบทความนี้ค่ะ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยดีกว่า
ม็อกเทล (Mocktail) คืออะไร
คลายคนอาจจะคุ้นเคยกับเมนู ค็อกเทล (cocktail) หรือเมนูน้ำผลไม้ผสมแอลกอฮอล์กันซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งม็อกเทล (mocktail) จะมีลักษณะและวิธีการทำที่คล้ายกันค่ะ โดยม็อกเทลจะเป็นเครื่องดื่มน้ำผักหรือผลไม้ที่ ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูและสุขภาพและสามารถทานได้ทุกเพศทุกวัย รสชาติจะไม่ต่างกันมากนัก เน้นรสชาติของผักผลไม้เป็นหลัก อาจจะผสมหรือไม่ผสมโซดาก็ได้ขึ้นอยู่กับสูตรของม็อกเทลชนิดนั้น ๆ ค่ะ และจากเทรนด์สุขภาพที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ก็ทำให้เครื่องดื่มม็อกเทลได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัว พร้อมทั้งมีสูตรใหม่ ๆ ออกมาให้ลองทำตามอีกมากมายเลยค่ะ
1. ม็อกเทล Mint Lemonade
เริ่มต้นที่เครื่องดื่มสดชื่นดับร้อนอย่าง Mint Lemonade สำหรับเมนูนี้จะมีส่วนผสมของใบมิ้นต์และเลมอนที่ให้รสชาติเปรี้ยวกำลังดี มีความซ่าจากโซดาช่วยดับกระหาย และได้ความหอมสดชื่นจากใบมิ้นต์ค่ะ เป็นเมนูม็อกเทลที่หาซื้อวัตถุดิบได้ง่ายและมีวิธีทำไม่ซับซ้อนมากนัก วันไหนอากาศร้อน ๆ เพลีย ๆ ต้องจัดแล้วค่ะ สูตรนี้สามารถทานได้ทุกเพศทุกวัยแน่นอน
วัตถุดิบม็อกเทล Mint Lemonade
- น้ำอัดลมกลิ่นเลมอน 1 กระป๋อง
- เลมอน สำหรับตกแต่ง
- ใบสะระแหน่ สำหรับตกแต่ง
- น้ำแข็ง
วิธีทำม็อกเทล Mint Lemonade
- ขั้นตอนที่ 1 : ล้างใบสะระแหน่ให้สะอาดแล้วสะเด็ดน้ำให้แห้ง จากนั้นหันมาฝานเลมอนเป็นแว่นบาง ๆ เตรียมไว้สำหรับตกแต่ง หากใครไม่อยากให้เลมอนติดรสขมเราแนะนำให้นำเกลือป่นมาถูเปลือกเลมอนจนทั่วเพื่อขัดเอาน้ำมันออก จากนั้นล้างให้สะอาดและซับให้แห้งค่ะ เสร็จแล้วเติมน้ำแข็งใส่แก้วเตรียมไว้เพื่อชิลล์แก้วให้เย็น
- ขั้นตอนที่ 2 : เด็ดใบสะระแหน่มาตำหรือขยี้เบา ๆ ให้พอแตก ผสมลงในน้ำอัดลมกลิ่นเลมอนแล้วเขย่าให้เข้ากัน หยิบแก้วที่เตรียมไว้ก่อนหน้ามาเทเอาน้ำแข็งออก กรองเอาเฉพาะน้ำอัดลมเทลงในแก้วแล้วตกแต่งด้วยเลมอนและใบสะระแหน่ให้สวยงาม พร้อมเสิร์ฟ
2. ม็อกเทล Blue Lagoon
ถัดมาเป็นม็อกเทลที่เหมาะสำหรับปาร์ตี้ริมทะเลสุด ๆ ค่ะ บลู ลากูนจะเป็นน้ำโซดาผสมไซรัปกลิ่นบลู คูราโซ น้ำเชื่อมสีฟ้าน้ำทะเลที่จะช่วยให้เครื่องดื่มของเราดูสวยงามน่ารับประทานมากขึ้น สำหรับแก้วนี้จะให้ความสดชื่น มีกลิ่นหอมโดดเด่นของส้มคูราโซ มีรสชาติเปรี้ยวอมวานสดชื่นกำลังดีเลยค่ะ จะใส่น้ำแข็งหรือแช่เย็นจิบเฉพาะน้ำก็อร่อยสดชื่นให้ฟีลค็อกเทลแบบโนแอลกอฮอล์
วัตถุดิบม็อกเทล Blue Lagoon
- โซดาหรือน้ำอัดลมกลิ่นมะนาว 1 กระป๋อง
- ไซรัปกลิ่น Blue Curacao 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมะนาว 1 – 2 ช้อนโต๊ะ
- เลมอน สำหรับตกแต่ง
- ส้ม สำหรับตกแต่ง
- ใบสะระแหน่ สำหรับตกแต่ง
- น้ำแข็ง
วิธีทำม็อกเทล Blue Lagoon
- ขั้นตอนที่ 1 : ล้างทำความสะอาดเลมอน, ส้ม และใบสะระแหน่ก่อนค่ะ ซับให้แห้งแล้วนำมาฝานเป็นแว่นหรือเป็นชิ้นขนาดตามชอบ ชิลล์แก้วด้วยน้ำแข็งเย็นจัด แนะนำให้ใช้แก้วไวน์ทรงสูงหรือแก้วค็อกเทลจะสวยและเพิ่มความน่ารับประทานมากขึ้นไปอีกค่ะ
- ขั้นตอนที่ 2 : เทไซรัปลงในภาชนะสำหรับผสมแล้วตามด้วยน้ำอัดลม คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันแล้วเทใส่แก้วที่ชิลล์ไว้ก่อนหน้า ปิดท้ายด้วยน้ำมะนาว คนเบา ๆ ให้น้ำมะนาวพอกระจายตัว ตกแต่งด้วยเลมอน, ส้ม และใบสะระแหน่ เสิร์ฟได้เลยค่ะ
3. ม็อกเทล Grapefruit Rosemary
เกรปฟรุตโรสแมรี่เป็นเครื่องดื่มสีหวานที่เหมาะกับสาวหวานซ่อนเปรี้ยวอย่างเรา ๆ สุด ๆ เลยค่ะ แก้วนี้มีความหอมหวาน ได้รสเปรี้ยวเบา ๆ จากเกรปฟรุตและมีกลิ่นหอมโรสแมรี่อ่อน ๆ ดื่มได้เพลิน ๆ แถมยังได้ความซ่าและความสุขภาพดีจากน้ำแร่อีกด้วย ใครเป็นสาวรักสุขภาพไม่ควรพลาดม็อกเทลแก้วนี้เลยค่ะเพราะเกรปฟรุตเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยบำรุงผิวพรรณ และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการนอนหลับ นอกจากหอมอร่อยแล้วยังถ่ายรูปออกมาสวยสุด ๆ อีกด้วยนะคะ
ปล.หากหาเกรปฟรุตไม่ได้ สามารถเปลี่ยนเป็นส้มได้ค่ะ
วัตถุดิบม็อกเทล Grapefruit Rosemary
- น้ำโซดา 4 ถ้วย
- น้ำเกรปฟรุต 2 ถ้วย
- น้ำเปล่า 1 ถ้วย
- น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย
- โรสแมรี่ 4 – 5 ก้าน
- เกรปฟรุต สำหรับตกแต่ง
- น้ำแข็ง
วิธีทำม็อกเทล Grapefruit Rosemary
- ขั้นตอนที่ 1 : ก่อนอื่นเราต้องมาทำน้ำเชื่อมโรสแมรี่กันก่อนค่ะ ผสมน้ำตาลทรายและน้ำเปล่าให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อนจนน้ำตาลทรายละลายจนหมดและน้ำเชื่อมพอเดือด ยกลงแล้วใส่โรสแมรี่ลงไป 3 – 4 ก้านแช่ทิ้งไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงเพื่อให้น้ำมันและกลิ่นหอมของโรสแมรี่ผสมอยู่ในน้ำเชื่อม สามารถเพิ่มลดปริมาณโรสแมรี่และน้ำตาลได้ตามชอบเลยนะคะ
- ขั้นตอนที่ 2 : ครบเวลาแล้วเราจะเทน้ำเกรปฟรุตลงไปประมาณครึ่งแก้ว จากนั้นตามด้วยไซรัปโรสแมรี่ปริมาณตามชอบ คนให้เข้ากันแล้วชิมรสชาติตามต้องการ ปิดท้ายด้วยน้ำแข็งและน้ำแร่ ฝานเกรปฟรุตลงไปตกแต่งและตามด้วยโรสแมรี่ จัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
4. ม็อกเทล Mulled Wine
Mulled Wine เป็นไวน์อุ่นหรือไวน์ตุ๋นที่ชาวตะวันตกนิยมดื่มในช่วงเทศกาลคริสต์มาสหลังจบอาหารค่ำค่ะ แต่สำหรับ Mulled Wine แก้วนี้จะเป็นไวน์สูตรม็อกเทลที่ไม่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์เลยแม้แต่น้อย ตัวเครื่องดื่มจะได้กลิ่นหอมและความอุ่นร้อนของเครื่องเทศเบา ๆ รสชาติหวาน อมเปรี้ยว และอมเผ็ดเล็กน้อย ได้กลิ่นซิตรัสเบา ๆ จากเปลือกส้ม บอกเลยว่าตอนตุ๋นไวน์เนี่ยทั้งบ้านจะเต็มไปด้วยกลิ่นหอม ๆ ของเครื่องเทศและผลไม้ ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและช่วยคลายหหนาวได้ดีเลยล่ะค่ะ
วัตถุดิบม็อกเทล Mulled Wine
- น้ำทับทิม, น้ำองุ่น หรือไวน์แดงไร้แอลกอฮอล์ 2 ถ้วย
- กานพลู 8 ดอก
- โปยกั๊ก 3 ดอก
- อบเชย 1 – 2 ก้าน
- ส้ม สำหรับตกแต่ง
วิธีทำม็อกเทล Mulled Wine
- ขั้นตอนที่ 1 : เราจะต้องเลือกส่วนผสมหลักกันก่อนค่ะ สำหรับคนที่เลือกใช้น้ำทับทิมและน้ำองุ่นเราแนะนำให้นำมาเจือจางด้วยน้ำสะอาดในปริมาณที่เท่ากัน ส่วนคนที่เลือกใช้ไวน์แดงบางครั้งคุณอาจจะต้องเพิ่มรสชาติด้วยน้ำตาลเพื่อความกลมกล่อมของเครื่องดื่ม
- ขั้นตอนที่ 2 : ฝานส้มเป็นแว่นหนาพอประมาณแล้วนำลงตุ๋นรวมกับของเหลวที่เลือกไว้ เพิ่มกลิ่นหอมด้วยกานพลู, โปยกั๊ก และอบเชย ใช้ไฟกลางค่อนอ่อน ตุ๋นเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีเลยค่ะ หรือหากใครมีหม้อตุ๋นไฟฟ้าก็สามารถใช้ได้นะคะ ยิ่งตุ๋นนานก็จะยิ่งเข้มข้นและหอมอร่อย
- ขั้นตอนที่ 3 : หลังจากเครื่องดื่มของเราเริ่มอุ่นร้อนแนะนำให้ตักออกมาชิมเล็กน้อยค่ะ หากรสชาติเข้มข้นหรืออ่อนจนเกินไปสามารถปรุงเพิ่มได้ตามต้องการ หากต้องการเพิ่มความหวานแนะนำให้ใช้น้ำตาลทรายแดงหรือน้ำตาลอ้อยเพราะจะทำให้สีออกมาเข้มสวยและมีกลิ่นหอมน่าทานค่ะ ครบเวลาแล้วตักเอาเฉพาะน้ำใส่แก้ว ฝานส้มสดลงไปเพิ่มกลิ่นหอม วางโปยกั๊กลงไปด้านบน เผาอบเชยให้มีกลิ่นหอมนิดหน่อยแล้วนำมาตกแต่งเพื่อความสวยงามค่ะ
5. ม็อกเทล Strawberry Mojito
มาที่เครื่องดื่มรสชาติหวานอมเปรี้ยวอย่างสตรอว์เบอร์รี่โมจิโต้กันบ้างค่ะ เมนูนี้เหมาะสำหรับวันที่อากาศร้อนอบอ้าว การได้ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ รสชาติเปรี้ยวหวาน มีกลิ่นหอมของสตรอว์เบอร์รี่ที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ
วัตถุดิบม็อกเทล Strawberry Mojito
- โซดา 1 ถ้วย
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
- สตรอว์เบอร์รี่ 3 ลูก
- สะระแหน่ 10 ใบ
- น้ำแข็ง
วิธีทำม็อกเทล Strawberry Mojito
- ขั้นตอนที่ 1 : หั่นสตรอว์เบอร์รี่และใบสะระแหน่เป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในแก้ว เพิ่มความหวานด้วยน้ำตาลอีกเล็กน้อยแล้วใช้ปลายช้อนหรือ Muddler บดส่วนผสมในแก้วให้แหลก
- ขั้นตอนที่ 2 : เพิ่มรสเปรี้ยวด้วยน้ำมะนาว คนให้เข้ากันแล้วตามด้วยน้ำแข็งค่ะ ปิดท้ายด้วยน้ำโซดาเย็นจัดแล้วตกตแต่งด้วยสตรอว์เบอร์รี่และใบสะระแหน่ตามชอบ
6. ม็อกเทล Virgin Cucumber
ม็อกเทลแตงกวาเป็นอีกหนึ่งเมนูที่เหมาะกับอากาศร้อนอบอ้าวของบ้านเราค่ะ แก้วนี้จะเป็นเครื่องดื่มแตงกวาที่มีความสดชื่น มีกลิ่นหอม รสชาติเปรี้ยวเล็กน้อยช่วยให้รู้สึกเฟรช เหมาะสำหรับบรรยากาศบนเกาะส่วนตัวหรือบนภูเขาสูง บอกเลยว่าฟินสุด ๆ ค่ะ ส่วนใครกังวลในเรื่องกลิ่นของแตงกวาบอกเลยว่าหายห่วงไม่มีกลิ่นเหม็นเขียวแน่นอน
วัตถุดิบม็อกเทล Virgin Cucumber
- น้ำเลมอน 1 ช้อนโต๊ะ
- แตงกวาญี่ปุ่น ตามชอบ
- เชื่อมหรือน้ำผึ้ง ตามชอบ
- สะระแหน่หรือโรสแมรี่ สำหรับตกแต่ง
- น้ำแข็ง
วิธีทำม็อกเทล Virgin Cucumber
- ขั้นตอนที่ 1 : ล้างแตงกวาให้สะอาดอย่างเบามือ จากนั้นฝานแตงกวาส่วนหนึ่งเป็นชิ้นบางตามแนวยาวหรือแนวขวางสำหรับตกแต่ง หั่นแตงกวาอีกส่วนสำหรับผสมในเครื่องดื่มค่ะ แนะนำให้ใช้แตงกวาญี่ปุ่นจะมีเนื้อเยอะและมีกลิ่นน้อยกว่าแตงกวาไทย ฝานเสร็จแล้วแช่เย็นไว้ตลอดเวลาเพื่อรักษาความสด
- ขั้นตอนที่ 2 : ใส่แตงกวาที่หั่นไว้ลงในกระบอกเชค ใช้ Muddler บดให้แตงกวาแตกละเอียด เติมน้ำมะนาว, น้ำเชื่อม และน้ำแข็งตามลงไป จากนั้นเขย่าให้ทุกอย่างผสมเข้ากันดี
- ขั้นตอนที่ 3 : วางแตงกวาสำหรับตกแต่งลงไปในแก้วที่ต้องการ จากนั้นตามด้วยน้ำแข็งพอประมาณ เทกรองส่วนผสมที่เขย่าไว้ก่อนหน้าลงไป ตกแต่งด้านบนด้วยใบสะระแหน่หรือโรสแมรี่ เสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟ
7. ม็อกเทล Bloody Mary
Bloody Mary เป็นค็อกเทลสำหรับสาว ๆ ที่ชื่นชอบความเร่าร้อนของเครื่องเทศ แต่สำหรับแก้วนี้จะเป็นม็อกเทลที่ถูกปรับเปลี่ยนให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้นโดยที่ไม่สูญเสียรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของเมนูนี้ค่ะ สำหรับแก้วนี้เหมาะที่จะดื่มในช่วงเวลาสายของวันหลังตื่นนอนมาพร้อมอาการแฮงค์ เพราะเครื่องเทศต่าง ๆ ที่ผสมอยู่ในม็อกเทลจะช่วยให้รู้สึกสดชื่น เพิ่มความอุ่นร้อนให้แก่ร่างกาย และช่วยให้กลับมามีสติสตังเร็วขึ้น แถมยังแอบช่วยให้เจริญอาหารได้อีกด้วยนะคะ
วัตถุดิบม็อกเทล Bloody Mary
- น้ำมะเขือเทศ 3 ออนซ์
- น้ำเลมอน ½ ออนซ์
- เกลือผสมเม็ดผักชี 1 ช้อนชา
- ซอส Tabasco เล็กน้อย
- ซอส Worcestershire เล็กน้อย
- พริกไทยดำป่น เล็กน้อย
- เซเลอรี่สด สำหรับตกแต่ง
- น้ำแข็ง
วิธีทำม็อกเทล Bloody Mary
- ขั้นตอนที่ 1 : ผสมน้ำมะเขือเทศ, เลมอน, เกลือ, พริกไทยดำป่น และซอสทั้ง 2 ชนิดลงในภาชนะแล้วเขย่าให้เข้ากัน
- ขั้นตอนที่ 2 : จากนั้นเทลงในแก้วที่เตรียมไว้ ตามด้วยน้ำแข็งและตกแต่งด้วยก้านเซเลอรี่สด หรือใครต้องการความซาบซ่าจะเพิ่มโซดารสขิงหรือ Ginger Ale เข้าไปด้วยก็ได้ค่ะ รับรองว่าตาสว่างและสดชื่นแน่นอน
8. ม็อกเทล Arnold Palmer
Arnold Palmer เป็นหนึ่งในสามม็อกเทลยอดฮิตที่คุณไม่ควรพลาด สำหรับแก้วนี้จะเป็นชาดำผสมน้ำเลมอนค่ะ เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับวันที่อากาศร้อนอบอ้วนสุด ๆ การได้ดื่มชาเย็น ๆ เจือฝาดนิด ๆ และได้ความเปรี้ยวและกลิ่นหอมของเลมอนอบอวลอยู่ในปากนี่มันช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดีเลยค่ะ นอกจากนี้ม็อกเมลแก้วนี้ยังทำง่ายและทานได้ทุกเพศทุกวัยอีกด้วย
วัตถุดิบม็อกเทล Arnold Palmer
- น้ำชา ½ ถ้วย
- น้ำเลมอน ¼ ถ้วย
- เลมอน สำหรับตกแต่ง
- น้ำแข็ง
วิธีทำม็อกเทล Arnold Palmer
- ขั้นตอนที่ 1 : เทน้ำเลมอนลงในแก้วก่อน จากนั้นตามด้วยน้ำแข็งและน้ำชา ตกแต่งด้วยเลมอนสไลซ์ หรืออยากเพิ่มความหอมก็สามารถใส่ใบสะระแหน่ลงไปได้ สำหรับน้ำชาแนะนำให้ใช้ชาดำหรือชาไทยจะมีกลิ่นหอมและมีรสฝาดนิด ๆ จะช่วยเพิ่มความอร่อยให้กับเมนูนี้ค่ะ
9. ม็อกเทล Roy Rogers
รอย โรเจอร์สเป็นเครื่องดื่มที่มีการตั้งชื่อตามนักร้องและนักแสดงชื่อดังชาวอเมริกันค่ะ โดยเมนูนี้จะมีส่วนผสมของโคล่าและไซรัปทับทิมที่มีความหอมกวาน ช่วยให้เมนูนี้สดชื่นมากขึ้น ด้านบนจะท็อปด้วยเชอร์รี่ลูกโตที่มีรสชาติหวานซ่อนเปรี้ยวช่วยให้เครื่องดื่มแก้วนี้มีรสชาติหลากหลานมากขึ้น ใครเป็นสายโคล่าหรือสายน้ำอัดลมเราขอแนะนำเลยค่ะ
วัตถุดิบม็อกเทล Roy Rogers
- โคล่า 1 ถ้วย
- ไซรัปทับทิม 1 ช้อนโต๊ะ
- เชอร์รี่ สำหรับตกแต่ง
- น้ำแข็ง
วิธีทำม็อกเทล Roy Rogers
- ขั้นตอนที่ 1 : เติมน้ำแข็งให้เต็มแก้วก่อนค่ะ จากนั้นใส่ไซรัปลงไปแล้วคนให้ทั่ว เทโคล่าตามลงไปให้เต็มแก้วแล้วตกแต่งด้วยเชอร์รี่สดหรือเชอร์รี่เชื่อมก่อนเสิร์ฟ หรือจะเพิ่มเลมอนลงไปก็แล้วแต่ความชอบเลยค่ะ ไม่ถือว่าผิดสูตรแต่อย่างใด
10. ม็อกเทล Shirley Temple
ปิดท้ายกันด้วยม็อกเทลสุดคลาสสิคที่มีสีสันสวยงามอย่าง Shirley Temple เมนูนี้จะเป็นน้ำโซดาผสมน้ำเชื่อมทับทิมที่ที่ออกมีมีสีชมพูอ่อนสวยงาม เหมาะสำหรับคนสวย ๆ อย่างเราสุด ๆ ไปเลยค่ะ ตัวเครื่องดื่มจะมีความเปรี้ยวอมหวานเบา ๆ หอมกลิ่นทับทิมนิด ๆ เป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นได้ดีสุด ๆ ไปเลย
วัตถุดิบม็อกเทล Shirley Temple
- โซดารสเลมอนไลม์ 7 – 8 ออนซ์
- ไซรัปทับทิม 3 ช้อนโต๊ะ
- เชอร์รี่ สำหรับตกแต่ง
- น้ำแข็ง
วิธีทำม็อกเทล Shirley Temple
- ขั้นตอนที่ 1 : ใส่น้ำแข้งให้เต็มแก้วก่อนค่ะ จากนั้นเทไซรัปทับทิทตามลงไป คนให้พอเข้ากันแล้วเติมน้ำโซดาให้เต็มแก้ว ตกแต่งด้วยผลเชอร์รี่ หรือใครจะเพิ่มหรือเปลี่ยนน้ำโซดารสขิงลงไปด้วยก็อร่อยดีนะคะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเพิ่มความหลากหลายของรสชาติค่ะ
และทั้งหมดนี้ก็คือ 10 เมนูม็อกเทลที่เรานำมาแนะนำในบทความนี้ค่ะ เป็นอย่างไรบ้างคะ มีม็อกเทลแก้วโปรดของเพื่อน ๆ บ้างไหมเอ่ยย? เอาจริง ๆ แล้วม็อกเทลก็เป็นเมนูเครื่องดื่มที่มีวิธีทำไม่ยากเลยนะคะ โดยเฉพาะสามเมนูสุดคลาสสิคอย่าง Arnold Palmer, Roy Rogers และ Shirley Temple นี่ทำง่ายสุด ๆ แล้วยังใช้วัตถุดิบที่ไม่ยากและไม่มีราคาแพงมากจนเกินไปอีกด้วยค่ะ เช่นโคลา, โซดาเลมอนไลม์ และชาดำนี่ก็เป็นเครื่องดื่มที่หาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อทั่ว ๆ ไปเลยค่ะ