เมื่อเข้าสู่วัยสูงอายุแล้วทั้งสภาพร่างกายและจิตใจของคนเราก็จะเริ่มทำงานได้ไม่ดีแล้วค่ะ อย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ ผู้สูงอายุมักจะมีร่างกายไม่แข็งแรง จะหยิบจับทำอะไรก็ไม่ถนัด ท่านจะรู้สึกซึม ๆ และไม่ค่อยทานอาหาร เพราะระบบการทำงานของพวกท่านเสื่อมสภาพลง ผู้สูงอายุบางท่านจะเริ่มรับรู้รสชาติแบบผิด ๆ เพี้ยน ๆ อาหารบางชนิดที่มีรสจัดหน่อยก็ทานไม่ค่อยจะได้ หรือทานได้นิดหน่อยก็อิ่มแล้ว เป็นเพราะระบบย่อยอาหารที่ทำงานช้าลงค่ะ
ดังนั้นเราจึงควรจะใส่ใจเรื่องอาหารการกินของผู้สูงอายุเป็นพิเศษ เพราะสิ่งเหล่านี้จะส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของผู้สูงอายุ หลาย ๆ บ้านก็อาจจะเปลี่ยนมาให้ทานนมผงที่เป็นอาหารเสริมสำหรับผู้สูงอายุเพื่อเติมเต็มสารอาหารที่ขาดหาย แต่นั้นก็ไม่เหมือนกับอาหารจริง ๆ ที่มีความหลากหลายมากกว่า ยิ่งเดี๋ยวนี้วงการอาหารก็พัฒนาไปไกลมาก แบรนด์ต่าง ๆ แย่งกันผลิตข้าวของเครื่องใช้ออกมาอำนวยความสะดวกให้เรามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเครื่องทำน้ำเต้าหู้ที่บ้าน, หม้อทอดที่ไม่ต้องใช้น้ำมัน, หม้อช่วยตุ๋นเนื้อให้เปื่อยนุ่มในเวลาอันรวดเร็ว หรือหม้อหุงข้าวที่สามารถทำอาหารได้อย่างหลากหลาย ดังนั้นการทำอาหารที่บ้านในสมัยนี้จึงสามารถทำได้อย่างสนุกและง่ายดายมากขึ้น
อาหารที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุ
ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าอาหารที่เหมาะสำหรับผู้สูงอายุนั้นควรจะมีรสชาติอ่อน, เนื้อนุ่ม, ไม่แข็ง และทานง่าย ยิ่งเป็นประเภทซุปก็ยิ่งดีเลยค่ะเพราะระบบย่อยอาหารจะไม่ต้องทำงานหนัก และในหนึ่งมื้อควรจะมีอาหารครบทั้ง 5 หมู่เลย และพยายามลดความหวานลงไม่ว่าจะเป็นน้ำตาลปรุงแต่งหรือน้ำตาลจากผักและผลไม้ ถ้าบ้านไหนมีผู้สูงอายุก็แนะนำให้มีผลไม้ติดบ้านไว้ค่ะ จะเป็นส้ม, กล้วย หรือ แอบเปิ้ลก็ได้ แต่อย่าลืมล้างผลไม้ให้สะอาดก่อนทุกครั้งด้วยน้ำยาล้างผักและผลไม้ เพราะผู้สูงอายุจะได้รับวิตามินเยอะขึ้น และควรให้ท่านดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ
ในส่วนของอาหารนั้นควรมีรสอ่อน ๆ ใช้เครื่องปรุงรสน้อย ๆ และเป็นอาหารปรุงสุกใหม่ ๆ เราจะได้มั่นใจในเรื่องของความปลอดภัยได้อีกด้วย ส่วนสิ่งที่จะช่วยให้ผู้สูงอายุเจริญอาหารได้ดีที่สุดก็คือการทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัว ทานไปหัวเราะไป ยิ่งครอบครัวไหนมีเด็ก ๆ ด้วยแล้วยิ่งทำให้พวกท่านมีความสุขและรับประทานอาหารได้เยอะขึ้นอีกสองสามเท่าเลยค่ะ ส่วนเมนูที่เหมาะกับผู้สูงอายุที่เรานำมาฝากเพื่อน ๆ จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลยดีกว่า
1. โจ๊กหมูสับ
ตื่นเช้าทำโจ๊กร้อน ๆ ไว้ทานกันค่ะ โจ๊กต้มจนเนื้อเนียน หอมกลิ่นข้าว เพิ่มสารอาหารด้วยตับนุ่ม ๆ และหมูสับ โรยขิงอ่อนและพริกไทยลงไปอีกนิดเพิ่มรสชาติเผ็ดร้อน เป็นเมนูอาหารรสอ่อน ๆ ที่เหมาะกับทุกคนในบ้านสุด ๆ ไปเลยค่ะ ทานกันพร้อมหน้าพร้อมตาถือเป็นการเริ่มต้นวันที่ดีมาก ๆ เลย
วัตถุดิบโจ๊กหมูสับ
- ปลายข้าวหรือข้าวสารบด
- หมูสับสด
- ตับหมูสด
- ขิงอ่อน
- ต้นหอม
- ผักชี
- พริกไทยป่น
- เกลือ
- แป้งมัน
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสปรุงรส
- น้ำซุปหรือน้ำเปล่า
วิธีทำโจ๊กหมูสับ
ถ้าใช้ปลายข้าวเราต้องนำปลายข้าวมาซาวน้ำให้สะอาดก่อนค่ะ แต่ถ้าเป็นข้าวสารบดเราสามารถทำโจ๊กได้เลย เริ่มจากตั้งหม้อเปิดไฟแรง ต้มน้ำซุปหรือน้ำเปล่าให้เดือด ใส่เกลือนิดหน่อยเพิ่มรสชาติ ใส่ข้าวสารบดลงไปแล้วคอยคนอยู่ตลอดเวลาเพื่อกันไม่ให้ข้าวไหม้ติดก้นหม้อ หลังจากน้ำเดือดเราก็ปรับเป็นไฟอ่อนแล้วตุ๋นต่อไปเรื่อย ๆ จนข้าวสุกเนียน ระหว่างนั้นก็คอยคนตลอดนะคะ ห้ามลืมเด็ดขาดเลย ข้าวสุกแล้วก็ชิมให้มีรสเค็ม
หมักหมูบดกับซีอิ๊วขาวและพริกไทยพักไว้ หั่นตับให้เป็นชิ้นพอดีคำ นำไปคลุกกับแป้งมันแล้วขยำหลาย ๆ รอบจนสีของตับซีดขึ้น เลือดออกหมด หลังจากนั้นล้างหลาย ๆ รอบจนน้ำใส ตั้งหม้อใส่น้ำ ใช้ไฟแรงจนน้ำเดือด หลังจากนั้นปรับเป็นไฟกลางและต้มตับจนสุก ส่วนหมูปั้นเป็นก้อนใส่หม้อโจ๊กหรือต้มแยกในหม้อเดียวกับตับก็ได้ค่ะ
หันมาล้าง ซอยขิงอ่อนและต้นหอมผักชีเตรียมไว้ หลังจากเครื่องทุกอย่างพร้อมแล้วก็ตักโจ๊กใส่ถ้วย วางหมูสับและตับลงไปด้านบน เหยาะซอสปรุงรสลงไปนิดนึง โรยขิงซอยและต้นหอมผักชี ปิดท้ายด้วยพริกไทยป่นหอม ๆ พร้อมเสิร์ฟ
2. ปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว
ผู้สูงอายุควรทานปลาเยอะ ๆ เพื่อบำรุงสมองและเนื้อปลาจะย่อยง่าย ดังนั้นเมนูนี้ต้องถูกใจผู้สูงอายุหลายท่านแน่นอนค่ะ เพราะปลากะพงนึ่งซีอิ๊วของเราเนี่ยมีกลิ่นหอมตลบอบอวล ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นน้ำมันงาหรือขิงแก่ที่ให้ความรู้สึกสดชื่น เนื้อปลาสดหวาน ๆ และน้ำซีอิ๊วรสชาติเค็มอ่อน ๆ จะช่วยให้ท่านเจริญอาหารได้มากขึ้นค่ะ แต่สิ่งที่ควรระมัดระวังก็คือก้างปลาที่อาจจะติดคอได้ ดังนั้นถ้าเพื่อน ๆ แล่เอาเฉพาะเนื้อปลาได้ก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้น
วัตถุดิบปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว
- ปลากะพง
- ขิงแก่
- คึ่นฉ่าย
- พริกชี้ฟ้าแดง
- เห็ดหอมแห้ง
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสหอยนางรม
- น้ำตาล
- น้ำมันงา
- น้ำเปล่า
วิธีทำปลากะพงนึ่งซีอิ๊ว
เริ่มจากขอดเกล็ด, ควักไส้ และล้างปลากระพงให้สะอาดก่อนค่ะ ถ้าเพื่อน ๆ เลือกซื้อปลาที่ทำมาแล้วก็แค่นำมาล้างน้ำอีกครั้งให้สะอาด หลังจากนั้นบั้งตัวปลาทั้งสองด้าน ใส่จานรอไว้ก่อน แนะนำเป็นจานก้นลึกนะคะ ส่วนเห็ดหอมก็แช่น้ำไว้ จากนั้นเตรียมอุปกรณ์นึ่ง ถ้าเป็นซึ้งนึ่งก็เติมน้ำใช้ไฟแรงจนน้ำเดือด แต่ถ้าใช้หม้อนึ่งไฟฟ้าก็เปิดเครื่องรอไว้จนน้ำเดือดเช่นกันค่ะ หลังจากนั้นใส่ปลาลงไป ปรับเป็นไฟกลาง ปิดฝานึ่งจนปลาสุก
ระหว่างรอปลาสุกล้างทำความสะอาดพริกชี้ฟ้า, คึ่นฉ่าย และขิงแก่ นำทั้งหมดมาซอยเป็นเส้น ส่วนเห็ดหอมนิ่มแล้วก็บีบน้ำออกและซอยรอไว้เช่นกัน หันมาเตรียมซอสกันบ้าง เริ่มจากผสมน้ำมันงา, ซีอิ๊วขาว, ซอสหอยนางรม, น้ำตาล และน้ำเปล่าเข้าด้วยกัน นำขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ จนเดือดและน้ำตาลละลาย
เสร็จแล้วให้กลับมาดูที่ปลานึ่งบ้าง เมื่อสุกดีแล้วเปิดฝาหม้อนึ่ง เทน้ำจากปลาออกให้หมดแล้วราดน้ำซีอิ๊วที่เราทำเมื่อกี๊ลงไปบนตัวปลาเลยค่ะ เสร็จแล้วโรยหน้าด้วยผักทั้งหมดที่เราซอยเตรียมไว้ ผิดฝาและนึ่งต่อประมาณ 5 นาทีก็ยกลงเสิร์ฟได้เลยค่ะ
3. แกงเหลืองผักรวมกุ้งสด
ทำเมนูรสจืดบ่อย ๆ ผู้สูงอายุท่านอาจจะเบื่อได้ เปลี่ยนมาทำแกงเหลืองรสจัดจ้านแบบเบา ๆ กันบ้างค่ะ แกงเหลืองผักรวมกุ้งสดหม้อนี้อัดแน่นไปด้วยความอร่อยและประโยชน์เน้น ๆ จากผักและกุ้งเนื้อแน่น ผักของเราต้มจนสุกนิ่ม เคี้ยวง่าย น้ำแกงรสอร่อยกลมกล่อม ทานพร้อมข้าวสวยและไข่เจียวนี่อร่อยลงตัวที่สุดแล้ว
วัตถุดิบแกงเหลืองผักรวมกุ้งสด
- ผักรวมตามชอบ (อาทิเช่น แครอท, ดอกกะหล่ำ, กะหล่ำปลี่, ดอกแค, หัวไชเท้า)
- กุ้งสด
- มะนาว
- พริกแกงเหลือง
- กะปิ
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำเปล่า
วิธีทำแกงเหลืองผักรวมกุ้งสด
ขั้นตอนแรกล้างทำความสะอาดผักสดก่อนเลยค่ะ หลังจากนั้นปอกเปลือกและหั่นให้มีขนาดพอดีคำ ไม่ใหญ่จนเกินไป เสร็จแล้วแกะเปลือก, ผ่าหลัง และเอาเส้นดำของกุ้งออก ล้างให้สะอาด ส่วนมะนาวฝานและบีบน้ำไว้ แนะนำให้ใช้ที่คั้นน้ำมะนาวโดยเฉพาะจะประหยัดแรงได้เยอะเลยค่ะ
ตั้งหม้อใส่น้ำ รอจนน้ำเดือดละลายพริกแกงและกะปิลงไปค่ะ แนะนำให้ใส่กะปิแค่ประมาณ ¼ ของพริกแกงก็พอค่ะ พริกแกงละลายหมดแล้วก็นำผักแข็งลงไปต้มจนสุกก่อนและตามด้วยผักอ่อน ต้มจนผักสุกนิ่มเลยนะคะ จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลนิดหน่อยค่ะ หลังจากนั้นใส่กุ้งลงไป หลังจากกุ้งสุกก็ปิดเตาแล้วบีบน้ำมะนาวตามลงไปเป็นอย่างสุดท้าย ชิมรสให้มีความเปรี้ยวเผ็ดลงตัว ตักใส่ถ้วยพร้อมเสิร์ฟ
4. ฟักทองผัดไข่
เมนูง่าย ๆ ที่อร่อยและได้คุณค่าเต็ม ๆ ไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุนะคะ เมนูนี้ยังเหมาะกับสำหรับเด็ก ๆ และคุณแม่ที่กำลังอยู่ในช่วงบำรุงน้ำนมอีกด้วย เพราะฟักทองมีสารที่ช่วยบำรุงน้ำนมนั่นเอง ซึ่งเราจะเลือกฟักทองแก่ เนื้อแน่น รสชาติมัน ๆ มาผัดกับไข่จนสุกนิ่ม ปรงรสให้มีความควานและกลมกล่อม ทานพร้อมข้าวสวยร้อน ๆ เป็นเมนูที่สามารถทำได้บ่อย ๆ เลยค่ะ
วัตถุดิบฟักทองผัดไข่
- ฟักทองแก่
- กระเทียม
- ไข่ไก่
- น้ำตาล
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำมันพืช
วิธีทำฟักทองผัดไข่
ล้าง, ปอกเปลือก และหั่นฟักทองออกเป็นชิ้น ๆ ไม่บางมาก หรือเพื่อน ๆ จะลองหั่นเต๋าดูก็ได้ค่ะ หลังจากนั้นหั่นและสับกระเทียมให้ละเอียด ตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน ใช้ไฟกลางจนน้ำมันร้อนก็ใส่กระเทียมลงไปผัดให้หอมเลยค่ะ หลังจากนั้นตอกไข่ใส่ลงไปตามชอบ ผัด ๆ ยี ๆ จนไข่เริ่มสุกก็ใส่ฟักทองลงไปเลย ปรุงรสด้วยน้ำตาลและซีอิ๊วขาว ผัดต่อจนฟักทองสุกก็ตักขึ้นใส่จานได้แล้วค่ะ
5. ต้มจับฉ่าย
อีกหนึ่งเมนูที่ทำครั้งเดียวทานได้ 2-3 มื้อเลยค่ะ เราะนำผักต่าง ๆ ที่ชอบมาผัดให้หอมและต้มจนเปื่อยนุ่ม ทานง่าย ใส่เนื้อหมูลงไปอีกหน่อยจะได้มีโปรตีนและมีเนื้อให้เคี้ยวจะได้ไม่น่าเบื่อจนเกินไป ซดน้ำร้อน อร่อยมากเลยค่ะ ยิ่งอุ่นยิ่งอร่อยเพราะความหวานจากผักจะช่วยให้รสชาติกลมกล่อมมาก ๆ
วัตถุดิบต้มจับฉ่าย
- ผักตามชอบ (แครอท, กะหล่ำปลี, ผักกาดขาว, หัวไชเท้า, เห็ดหอม)
- หมูสด
- กระเทียม
- รากผักชี
- พริกไทย
- ซีอิ๊วขาว
- ซอสปรุงรส
- น้ำตาล
- น้ำเปล่า
- น้ำมันพืช
วิธีทำต้มจับฉ่าย
ล้างทำความสะอาด, ปอกเปลือก และหั่นผักทั้งหมดเตรียมไว้ค่ะ หลังจากนั้นโขลกกระเทียม, รากผักชี และพริกไทยเข้าด้วยกัน เราเรียกว่าสามเกลอ ส่วนเนื้อหมูก็หั่นเป็นชิ้น
ตั้งหม้อที่จะใช้ต้ม ใส่น้ำมันลงไปเล็กน้อยและนำสามเกลอลงไปผัดให้หอม ตามด้วยเนื้อหมู ผัดจนสุกเลยนะคะ หลังจากนั้นนำผักทั้งหมดลงไปผัดรวมกันเลยค่ะ ผัดจนผักเริ่มนิ่มก็ใส่น้ำลงไปจนท่วมผัก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว, ซอสปรุงรส และน้ำตาลตัดรสชาตินิดหน่อย คนให้ส่วนผสมเข้ากัน ต้มทิ้งไว้จนผักสุกเปื่อย ชิมรสให้เค็มอ่อน ๆ และมีรสหวานจากผัก ตักเสิร์ฟได้เลยค่ะ
6. ต้มยำปลากะพง
ผู้สูงอายุก็ทานอาหารแซ่บ ๆ ได้ค่ะ จัดไปกับต้มยำปลากะพงรสเปรี้ยวแซ่บถึงใจ กลิ่นหอม ๆ ของสมุนไพรจะช่วยให้ผู้สูงอายุรู้สึกสดชื่น ข่า ตะไคร้หั่นเป็นท่อนทำให้ท่านไม่ต้องคอยแยกออกให้เสียเวลา ต้มยำแบบน้ำใส ทานง่าย เนื้อปลารสชาติหวานอร่อย มีเห็ดฟางให้ทานกรุบ ๆ นิดนึง ทานกันพร้อมหน้าพร้อมตาจะช่วยให้ท่านเจริญอาหารได้เยอะเลยค่ะ
วัตถุดิบต้มยำปลากะพง
- ปลากะพง
- เห็ดฟาง
- ข่า
- ตะไคร้
- ใบมะกรูด
- พริกขี้หนูสด
- มะนาว
- ผักชีฝรั่ง
- น้ำปลา
- น้ำเปล่า
วิธีทำต้มยำปลากะพง
ล้างทำความสะอาดปลาและสมุนไพรกันก่อนค่ะ หั่นตะไคร้และข่าเป็นท่อน ทุบให้พอแตก ใบมะกรูดนำมาฉีกเอาแกนกลางออก บุบพริกขี้หนูให้พอแตก หั่นฝักชีฝรั่งเป็นท่อน ๆ ผ่าครึ่งเห็ดฟาง ส่วนเนื้อปลานำมาหั่นเป็นท่อนหรือจะเลาะเอาเฉพาะเนื้อปลาก็ได้ค่ะ
ตั้งหม้อ ใส่น้ำเปล่าใช้ไฟกลางจนน้ำเดือดเลยค่ะ หลังจากนั้นใส่ข่าและตะไคร้ทุบ ปล่อยให้น้ำเดือดอีกครั้งใส่เห็ดฟางและเนื้อปลาลงไป ห้ามคนเด็ดขาดเลยนะคะ หลังจากน้ำเดือดอีกครั้งขยำใบมะกรูดใส่ลงในหม้อ ปรุงรสด้วยน้ำปลา รอเดือดอีกหนึ่งครั้งใส่พริกขี้หนูและปิดเตา บีบน้ำมะนาวตามลงไปค่ะ ชิมรสชาติให้เปรี้ยวแซ่บตามชอบและจัดเสิร์ฟได้เลยค่ะ
7. เต้าหู้ไข่ทรงเครื่อง
เมนูนี้ทานได้ทั้งเด็กเล็กและผู้สูงวัย เพราะมีรสชาติอ่อน ๆ ทำง่าย อร่อยกลมกล่อม เต้าหู้ไข่จะมีความกรอบตรงพื้นผิวด้านนอกแต่ด้านในนุ่ม อร่อย ยิ่งเดี๋ยวนี้มีเต้าหู้ไข่ผสมผักยิ่งช่วยให้ได้รับสารอาหารเยอะขึ้นอีกด้วยค่ะ ส่วนน้ำราดก็กลมกล่อมและมีสีสันน่ารับประทานมาก ๆ เลยค่ะ ทั้งผักสามสีหรือสีเหลืองอ่อน ๆ ของเต้าหู้ไข่ทำให้เมนูนี้น่าสนใจมาก ๆ เลย
วัตถุดิบเต้าหู้ไข่ทรงเครื่อง
- หมูสับ
- เต้าหู้ไข่
- ผักสามสี (แครอท เมล็ดข้าวโพด ถั่วลันเตา)
- กระเทียม
- พริกไทยป่น
- แป้งทอดกรอบ
- แป้งข้าวโพด
- ซอสหอยนางรม
- ซีอิ๊วขาว
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำมันพืช
- น้ำเปล่า
วิธีทำเต้าหู้ไข่ทรงเครื่อง
ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เปิดไฟกลางรอน้ำมันร้อน ระหว่างรอหั่นเต้าหู้เป็นแว่นหนา ๆ แล้วคลุกแป้งทอดกรอบแบบแห้ง ๆ หลังจากน้ำมันร้อนแล้วนำเต้าหู้ไข่ลงทอดจนผิวด้านนอกกรอบเลยค่ะ ตักใส่จานพักไว้
ใช้กระทะใบเดิม เทน้ำมันออกให้เหลือไว้นิดเดียวก็พอ สับกระเทียมแล้วนำไปผัดจนหอม ใส่หมูและผักสามสีลงผัดต่อจนหมูสุก ปรุงรสด้วยพริกไทยป่น, ซอสหอยนางรม, ซีอิ๊วขาว และน้ำตาล ผัดให้เข้ากัน ชิมรสให้มีความเค็ม ๆ หวาน ๆ กลมกล่อม หลังจากนั้นละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำเปล่าและเทลงในกระทะ คลุกเคล้าให้เข้ากัน เพื่อน ๆ จะเห็นว่าน้ำเริ่มสุกใสและหนืดเหมือนราดหน้าแล้วก็ปิดเตา ราดลงบนเต้าหูทอดได้เลยค่ะ
8. แกงเลียงกุ้งสด
เพิ่มพลังและสารอาหารกันด้วยแกงเลียงกุ้งสด แกงเลียงใส ๆ แต่อัดแน่นไปด้วยผักนานาชนิด มาพร้อมกุ้งสดตัวโต เนื้อหวานเด้ง ปรุงแบบคลีน ๆ ใส่เครื่องปรุงน้อย ๆ ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาทีก็ได้ซดน้ำร้อน ๆ รสเค็มอ่อน ๆ และผักเน้น ๆ แล้วค่ะ ทานพร้อมน้ำพริกคือเข้ากันสุด ๆ
วัตถุดิบแกงเลียงกุ้งสด
- ผักสดตามชอบ (บวบ, ข้าวโพดอ่อน, ยอดมะระ, ตำลึง)
- กุ้งสด
- กะปิ
- เกลือ
- ผงปรุงรส
- น้ำเปล่า
วิธีทำแกงเลียงกุ้งสด
ล้างทำความสะอาดผักและและหั่นเป็นชิ้นรอไว้ หลังจากนั้นปอกเปลือก, ผ่าหลัง และดึงเส้นดำกุ้งให้เรียบร้อย เปลือกกุ้งเก็บไว้ก่อนนะคะ อย่าเพิ่งทิ้ง จากนั้นให้ตั้งหม้อ เปิดไฟอ่อน ๆ แล้วนำเปลือกกุ้งลงไปผัดให้สุกหอมเลยค่ะ เติมน้ำและต้มจนเดือด นำมากรองเอาเปลือกกุ้งออก เราก็จะได้สต๊อกกุ้งแล้วค่ะ
นำน้ำสต๊อกกุ้งมาตั้งเตา เปิดไฟกลางแล้วใส่กะปิลงไปสักครึ่งช้อนโต๊ะ ตามด้วยเกลือและผงปรุงรสอย่างละหนึ่งช้อนชา ต้มจนเดือดใส่กุ้งและผัก ชิมรสให้มีความหอมกะปินิด ๆ และเค็มอ่อน ๆ กุ้งและผักสุกก็ปิดเตาตักเสิร์ฟได้เลยค่ะ
9. น้ำพริกผักลวก
ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัยหรือคนรักสุขภาพต้องถูกใจเมนูนี้แน่นอน เพราะน้ำพริกกะปิทานกับอะไรก็อร่อย เราแค่เลือกผักที่ชอบ จะเป็นผักกาดขาว, กะหล่ำปลี, บวบ, ถั่วฝักยาว, เมือเขือเปราะ, ผักกวางตุ้ง หรือผักอะไรก็ได้ที่เราถนัดมาลวกน้ำร้อน หลังจากนั้นย่างกะปิให้หอมและนำไปไปตำน้ำพริก ใช้เวลาไม่ถึง 15 นาทีเมนูนี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้วค่ะ จะทานกับข้าวสวยหรือจิ้มเปล่า ๆ ก็แล้วแต่ความชอบ
วัตถุดิบน้ำพริกผักลวก
- ผักตามชอบ
- กระเทียม
- พริกขี้หนู
- มะนาว
- กะปิ
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- เกลือ
- น้ำเปล่า
วิธีทำน้ำพริกผักลวก
ขั้นตอนแรกล้างทำความสะอาดผักสด หลังจากนั้นต้มน้ำ ใส่เกลือนิดหน่อย รอน้ำเดือดแล้วนำผักลงไปลวกเลยค่ะ เสร็จแล้วตักขึ้นมาน๊อคน้ำเย็นทันที่ผักจะได้สีสวย สีสด ทำน้ำพริกโดยการนำกะปิไปย่างไฟให้หอม ตำพริกกระเทียมให้ละเอียด ใส่กะปิย่างและน้ำตาลนิดหน่อย ตำผสมให้เข้ากัน หลังจากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมะนาวและน้ำปลานิดหน่อย คนผสมให้เข้ากันแล้วตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักลวก
10. มะเขือยาวผัดโหระพา
เมนูนี้ใช้งบน้อยแต่อร่อยมาก เพราะวัตถุดิบที่ใช้สามารถหาได้ทั่วไปค่ะ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ได้เมนูอร่อยมาทานแล้ว ส่วนรสชาติขอบอกว่าอร่อยสุด ๆ ความหวานของมะเขือยาวเข้ากันได้ดีกับเนื้อสัตว์ ทานเข้าไปนี่กลิ่นหอมของโหระพาอบอวลอยู่ในปาก เจริญอาหารสุด ๆ ค่ะ
วัตถุดิบมะเขือยาวผัดโหระพา
- หมูสับ
- มะเขือยาว
- ใบโหระพา
- กระเทียม
- พริกจินดาแดง
- ซอสหอยนางรม
- ซอสปรุงรส
- น้ำตาล
- น้ำปลา
- น้ำมันพืช
วิธีทำมะเขือยาวผัดโหระพา
ล้างทำความสะอาดมะเขือยาวและหั่นเป็นท่อน หลังจากนั้นผ่าออกเป็น 4 ส่วน พริก, กระเทียม และใบโหระพานำมาล้างทำความสะอาด เลือกนำพริกกระเทียมมาตำให้เข้ากันค่ะ ไม่ต้องละเอียดมากนะคะ จากนั้นตั้งกระทะ ใส่น้ำมัน และรอน้ำมันเริ่มร้อนนำมะเขือยาวลงไปทอดค่ะ ทอดไปเรื่อยจนมะเขือเริ่มนิ่มและสีเปลี่ยนนิดหน่อย ตักขึ้นมาพักไว้
ใช้กระทะใบเดิม เทน้ำมันออกให้เหลือไว้นิดหน่อยค่ะ ตั้งเตาพอน้ำมันเริ่มร้อนแล้วใส่พริกกระเทียมตำลงไปผัดให้หอม ตามด้วยหมูสับ ผัดไปเรื่อย ๆ จนเกือบสุก ก็ปรุงรสด้วยซอสหอยนางรม, ซอสปรุงรส, น้ำตาล และน้ำปลาเล็กน้อยค่ะ ผัดต่อจนเข้ากันหลังจากนั้นใส่มะเขือยาวที่ผัดไว้ลงไปค่ะ ตามด้วยใบโหระพา คลุกเคล้าให้โหระพาสลดและมะเขือยาวเหี่ยวอีกนิดหน่อย ชิมรสชาติให้มีความหอม รสออกหวาน ๆ เค็ม ๆ กลมกล่อมก็ตักใส่จานได้เลยค่ะ
อาหารที่ผู้สูงอายุควรหลีกเลี่ยง (1,2)
1. อาหารที่มีไขมันสูง เช่น ขาหมู, หมูติดมัน, อาหารประเภททอด, กะทิ และเบเกอรี่ เป็นต้น นั่นเพราะระบบการทำงานของผู้สูงอายุจะเริ่มเสื่อมสภาพลง โดยเฉพาะระบบเผาผลาญ ยิ่งพวกท่านไม่ค่อยได้ขยับร่างกายบ่อยอยู่แล้ว อีกทั้งอาหารไขมันสูงยังส่งผลให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโรคไขมันอุดตันในเส้นเลือดต่าง ๆ หรือภาวะโรคอ้วน ดังนั้นการหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้จะเป็นการป้องกันได้ดีที่สุดค่ะ
2. อาหารแปรรูป เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป, ไส้กรอก, ลูกชิ้น และอาหารกระป๋อง เป็นต้น อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าในอาหารแปรรูปมักจะอุดมไปด้วยสารกันบูดและโซเดียมมากกว่าสารอาหารที่จำเป็น ดังนั้นการหลีกเลี่ยงอาหารประเภทนี้จะทำให้เราช่วยลดความเสี่ยงในเรื่องของโรคไตและอาการบวมต่าง ๆ ได้ค่ะ ไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุนะคะ แต่รวมถึงเด็ก ๆ และวัยรุ่นด้วย ควรทานอาหารประเภทนี้ให้น้อยมากที่สุดค่ะ
3. อาหารหมักดอง เช่น ผักกาดดอง, ผักดอง, ผลไม้ดอง, น้ำปลา, ปลาร้า และไข่เค็ม เป็นต้น ถึงแม้การหมักดองอาหารจะเป็นวิธีการถนอมอาหารที่ชาญฉลาดของมนุษย์ แต่ก็ใช่ว่าอาหารประเภทนี้จะส่งผลดีต่อร่างกายของเรา เพราะในอาหารหมักดองมักจะมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบหลัก นอกจากนี้อาหารประเภทดองเปรี้ยวเค็มต่าง ๆ ยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อแบคทีเรียจากกระบวนการผลิตและการจัดเก็บที่ไม่สะอาดอีกด้วย สิ่งที่จะตามมาคืออาการท้องร่วงและขนาดน้ำค่ะ ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้นในผู้สูงอายุเพราะจะรักษาและควบคุมได้ยาก
4. ผักสดที่มีกากใยสูง เช่น ผักบุ้ง, ผักกระเฉด และคะน้า เป็นต้น เพราะผักเหล่านี้จะค่อนข้างเหนียว ถ้าเคี้ยวไม่ละเอียดอาจจะทำให้ท้องผูกได้ นั่นก็เพราะระบบย่อยอาหารของผู้สูงอายุเริ่มเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลานั่นเองค่ะ ทางที่ดีคือควรให้ท่านทานผักสุกและผลไม้จะดีกว่านะคะ
5. อาหารประเภทเส้น อาหารประเภทเส้นยาว ๆ มีความเสี่ยงที่จะติดคอผู้สูงอายุสูงค่ะ ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรเลี่ยง แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้แนะนำให้ตัดเป็นเส้นสั้น ๆ ก่อนทาน จะได้ทานง่ายส่วนเราเองก็สบายใจขึ้นด้วย
6. อาหารรสจัด เช่น ส้มตำ, ต้มยำเผ็ด ๆ และยำ เป็นต้น อย่างที่บอกไปในข้อก่อน ๆ ว่าเมื่ออายุมากขึ้นระบบการทำงานในร่างกายของเราจะยิ่งเสื่อมสภาพลง ดังนั้นความสามารถในการรับรสชาติก็จะน้อยลงด้วย ตอนหนุ่มสาวบางคนอาจจะชอบทานอาหารรสจัด แต่เมื่อแก่ตัวลงแค่พริกเม็ดเดียวก็ทำให้เผ็ดจนน้ำตาไหลแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นอาหารรสจัดเช่นเผ็ดหรือเปรี้ยวจัดจะทำให้ผู้สูงอายุรู้สึกแสบท้องได้ง่ายอีกด้วยค่ะ
7. เนื้อสัตว์เหนียว เนื้อสัตว์เหนียว ๆ นี่ยิ่งต้องระวังเลยค่ะ เพราะระบบย่อยอาหารของพวกท่านไม่ได้ทำงานแบบ 100 % เหมือนเรา ๆ ส่งผลให้ผู้สูงอายุอาจจะมีอาการท้องผูกที่อาจจะทำให้เกิดโรคริดสีดวงตามมาได้ อีกทั้งอาหารเหนียว ๆ ยังเสี่ยงต่ออาการอาหารติดคอ มีอันตรายถึงชีวิตและทำให้รู้สึกปวดฟันได้ ดังนั้นเราควรปรุงเนื้อสัตว์ให้เปื่อยนุ่มจนสามารถใช้ช้อนตัดขาดได้ก่อนนำไปให้ผู้สูงอายุทาน หรือไม่ก็เปลี่ยนเป็นเนื้อไก่หรือปลาแทนค่ะ
8. เห็ด เนื่องจากเห็นค่อนข้างเหนียวและเป็นเมือกลื่น โดยเฉพาะเห็ดเข็มทอง ซึ่งเห็ดเหล่านี้สามารถติดฟันหรือติดคอได้ง่ายหากเคี้ยวไม่ละเอียด ดังนั้นจึงไม่ควรนำเห็ดมาปรุงอาหารสำหรับผู้สูงวัยค่ะ
เป็นอย่างไรบ้างคะกับเมนูอาหารสำหรับผู้สูงอายุที่เรานำฝากเพื่อน ๆ ในบทความนี้ นอกจากเมนูอาหารแล้วคำแนะนำที่เรานำมาฝากก็ยังมีประโยชน์ต่อผู้สูงอายุมาก ๆ อีกด้วยนะคะ เพื่อน ๆ สามารถนำไปลองทำตามได้นะ เอาจริง ๆ แล้วอาหารเหล่านี้ก็มีประโยชน์สำหรับคนทุกเพศทุกวัยเลยค่ะ เพราะการทานอาหารปรุงน้อย ปรุงสด และรสไม่จัดเนี่ยเป็นการเซฟตัวเราได้ดีที่สุดแล้ว เพราะไม่ว่าใครก็อยากจะมีสุขภาพดีกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะคะ เอาล่ะค่ะ
ถ้าเพื่อน ๆ สนใจเมนูอาหารอร่อย ๆ เราก็ยังมีบทความเกี่ยวกับเมนูจากปลา, เมนูจากไข่, เมนูอาหารคลีน, เมนูจากไมโครเวฟ, เมนูจากหมูสับ, เมนูกุ้ง, เมนูอาหารใต้ และอีกมากมายให้เพื่อน ๆ ได้เลือกอ่าน ลองกดดูกันนะคะ ส่วนวันนี้ต้องขอตัวก่อน ไว้เจอกันใหม่บทความหน้าค่ะเพื่อน ๆ รักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
References